ระหว่างมีปัญหาว่าใครคือคนเหนี่ยวไกเครื่องยิงลูกระเบิด M79 จนเป็นข่าวอยู่ขณะนี้ และยังไม่มีใครให้รายละเอียดเพื่อความเข้าใจอย่างชัดเจน เราน่าจะมารู้จักกับอาวุธสงครามชนิดนี้และรายละเอียดเกี่ยวกับมันเพื่อเป็นความรู้ ถึงบางคนอาจจะเห็นเป็นของห่างไกลแต่บางครั้งมันอาจจะมาเยือนได้โดยไม่รู้ตัว การได้ทำความรู้จักไว้น่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง เพื่อให้หลีกเลี่ยงได้เมื่อเห็น ได้ทราบถึงอานุภาพของหัวระเบิดสังหารขนาด40ม.ม.ที่ยิงจากปากกระบอกอาวุธชนิดนี้
ตามชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นอาวุธสัญชาติอเมริกัน ด้วยตัวอักษร”M”ที่ย่อจากคำว่า”Model”หรือ”แบบ” อันหมายถึงอาวุธแบบที่79ที่เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐ มันสร้างชื่อเสียงจากสงครามเวียตนามเมื่อเกือบ40ปีก่อนในฐานะอาวุธสนับสนุนประจำหน่วยรบขนาดเล็กของทหารราบ มีวิธียิงเหมือนปืนเล็กยาวค่อนข้างไปทางปืนลูกซองเพราะยิงเสร็จแล้วหักลำเทปลอกออกท้ายลำกล้องทีละนัด ด้วยหัวกระสุนระเบิดขนาด40x46ม.ม.(เส้นผ่าศูนย์กลางและความยาวของหัวกระสุน)แบบสังหารบุคคลเป็นหลัก แต่จริงๆแล้วM79ถูกออกแบบให้ยิงกระสุนได้หลากหลาย ทั้งกระสุนสังหารบุคคล,ลูกโดด,ลูกศรโลหะ,แก๊ซน้ำตาปราบจลาจลและพลุแสง
อาวุธชนิดนี้เกิดจากโครงการวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ของกองทัพบกสหรัฐ ที่ต้องการเพิ่มกำลังชนของหน่วยรบขนาดเล็กด้วยระเบิดยิงซึ่งบรรจุได้ง่าย เร็ว ยิงง่าย อานุภาพการทำลายล้างสูงกว่าระเบิดยิงติดปลายลำกล้อง พกพาง่ายกว่าเครื่องยิงลูกระเบิดมาตรฐานเดิมที่เรารู้จักคือปืนครก( ค. เครื่องยิงลูกระเบิด) ในที่สุดก็ได้ขนาดหัวกระสุนมาตรฐานที่ลงตัวคือ40X46ม.ม. หลังจากได้ทดลองใช้งานจนพอใจจากรุ่นS-5กับXM79แล้ว เครื่องยิงลูกระเบิดนี้จึงเข้าประจำการด้วยชื่อM79เมื่อวันที่15 ธันวาคม 1960 นาน5ปีก่อนสงครามเวียตนามเกิดเต็มรูปแบบ
ถึงจะเข้าประจำการเป็นทางการตามกำหนดดังกล่าว แต่กว่าจะส่งมอบให้กองทัพบกกันจริงๆกระบอกแรกก็ล่วงเข้าปี1961 ความเชื่อถือได้ด้านกลไกและอำนาจการทำลายทำให้M79มีชื่อเล่นในหมู่ทหารอเมริกันว่า”ปืนใหญ่ของผ.บ.หมวด” มันทำลายเป้าหมายได้ตั้งแต่บุคคลถึงที่มั่นดัดแปลง นำติดตัวทหารไปได้ง่ายกว่าปืนค. ทหาร1นายสามารถนำM79ติดตัวไปได้พร้อมอาวุธประจำกาย คือปืนเล็กยาวและกระสุนระเบิดสังหารอีกนับสิบนัด เพื่อให้พกพาได้ง่ายขึ้นไปอีกทหารบางนายถึงกับตัดลำกล้องและพานท้ายให้สั้นลง ระยะยิงจึงลดลงแต่ยังไม่ใกล้พอจะทำอันตรายให้คนยิง นอกจากระบบการทำงานจะวางใจได้ ระบบการเล็งยังแม่นชนิดที่พลยิงสามารถส่งกระสุนลงถังขยะมาตรฐานได้ในระยะ140เมตร
M79ทั้งรุ่นมาตรฐานและที่ติดใต้ลำกล้องปืนตระกูลM16ในชื่อใหม่ว่าM203 ข้อดีข้อเพิ่มอำนาจการยิงให้พลปืนเล็ก แต่ข้อด้อยคือต้องยิง1นัดแล้วคัดปลอกออก ก่อนจะหยิบอีกนัดขึ้นบรรจุ หมายถึงมันมีอัตราการยิงต่ำจนไม่สามารถยิงต่อเนื่องได้ ต่อมาจึงถูกพัฒนาเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ(การทำงานเหมือนปืนลูกโม่) ให้เครื่องยิงจุลูกระเบิดมากกว่าเดิมและยิงต่อเนื่องแบบอัตโนมัติได้เหมือนปืนกล เพิ่มอำนาจการทำลายและพื้นที่ครอบคลุมเป้าหมาย
ถึงจะยิงกระสุนได้หลายแบบ แต่ที่แพร่หลายคือกระสุนระเบิดสังหารบุคคลขนาด40X46ม.ม. เรียกอีกอย่างว่าระเบิดยิง จากขนาดของมันและความเร็วเมื่อเคลื่อนที่จึงถูกจัดอยู่ในประเภทความเร็วต่ำ เทียบกับกระสุนปืนเล็กยาวอย่างM16หรืออาวุธประจำกายทหารราบอื่นๆแล้ว กระสุนM79ความเร็วต่ำกว่ามาก ต่ำจนมองเห็นกระสุนพุ่งจากลำกล้องได้เมื่อตั้งใจมองให้ดี
M79ใช้กระสุนหลักเป็นกระสุนระเบิดสังหารขนาดมาตรฐาน40X46ม.ม. แรงกว่านั้นคือ40X53ม.ม. เมื่อยาวกว่าก็ต้องแรงกว่าเป็นธรรมดาเพราะดินระเบิดมากขึ้น สะเก็ดทำลายมากขึ้นตามขนาด ยิงด้วยการกระแทกของเข็มแทงชนวนกับจอกกระทบแตกท้ายจานปลอก แล้วคัดปลอกเหมือนปืนเล็กยาวปกติทุกประการ นอกจากกระสุน40X46ม.ม.จะใช้ได้กับเครื่องยิงระเบิดเดี่ยวแบบM79และM203แบบติดใต้ปืนเล็กยาวตระกูลM16,M4 ที่ยิงแล้วต้องบรรจุกระสุนใหม่ทีละนัด ยังใช้ได้กับเครื่องยิงระเบิดอัตโนมัติM32 MGL(Multiple Grenade Launcher)แบบบรรจุโม่6นัด ยิงแล้วโม่หมุนนัดใหม่ขึ้นมาตรงเข็มแทงชนวนเหมือนปืนพกลูกโม่ไม่ผิดเพี้ยน เพื่อเพิ่มอำนาจการทำลายและพื้นที่ครอบคลุมเป้าหมาย
สำหรับกระสุนแรงขึ้นคือขนาด40X53ม.ม.ที่แรงระเบิดมากกว่า จะถูกใช้กับเครื่องยิงลูกระเบิดติดยานยนต์หรือตั้งบนสามขา ตามปกติจะยิงได้แบบอัตโนมัติเช่นเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ Mk19,Mk47”สไตรเกอร์”,GMG(Granade Machine Gun) ของเฮคเลอร์ อุนต์ โค้คที่มีรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกัน หรือในอาฟริกาใต้ที่กำลังมาแรงในตลาดอาวุธโลกที่มีเวคเตอร์Y3 AGL(Automatic Grenade Launcher) ทำงานด้วยเข็มแทงชนวนกระแทกจอกกระทบแตกท้ายจานและคัดปลอกด้วยระบบโบลว์แบ็คเหมือนปืนเล็กยาวทุกประการ นอกจากกระสุนแรงสูงนี้จะใช้กับเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติติดยานยนต์แล้ว มันยังใช้กับเครื่องยิงด้วยระบบอีเลคทรอนิคติดเฮลิคอปเตอร์ได้อีก อาฟริกาใต้ได้ผลิตกระสุนแรงสูงออกมาใหม่เมื่อปี2007นี้เอง ให้ทำลายล้างได้มากกว่าแต่แรงสะท้อนถอยหลังน้อยกว่า หมายถึงความแม่นยำต้องมากกว่าตามไปด้วย
ในด้านประสิทธิภาพและอานุภาพการทำลายล้างของมัน กระสุนระเบิดแรงสูงมาตรฐานแบบM406ขนาด40ม.ม.จากลำกล้องเครื่องยิงระเบิดM79 พุ่งด้วยความเร็วต้น(ความเร็วที่วัดจากปลายลำกล้อง)75เมตรต่อวินาที ระยะยิงไกลสุดคือ400เมตร มีสะเก็ดระเบิดแตกออกได้ประมาณ300ชิ้น สะเก็ดแต่ละชิ้นพุ่งด้วยความเร็ว1,524เมตรต่อวินาที(เร็วกว่ากระสุนปืนพกสองเท่ากว่าๆ) จะยิงวิธีโค้งหรือตรงก็ได้แล้วแต่ระยะและวิธีเล็งศูนย์ ใครก็ตามที่ถูกสะเก็ดในรัศมี5เมตรจะอวัยวะฉีกขาดถึงตาย หรือบาดเจ็บสาหัสหากไม่อยู่ในที่กำบังมิดชิด ถ้านั่งใกล้ๆกันเป็นแถวแล้วโดนยิงกลางวงจะมีคนตายได้เกือบสิบ ไกลกว่านั้นความบาดเจ็บและบาดแผลจะน้อยลงลง แต่หากยิงเข้าที่อับเช่นในอาคารหรือที่มั่นดัดแปลง ผนังและเพดานอาคารเหล่านั้นจะเพิ่มแรงอัดให้เกิดความเสียหายหนักขึ้นอีก
หัวกระสุนนี้ถูกออกแบบมาให้หมุนครบรอบเสียก่อนจึงระเบิดหลังจากพ้นลำกล้องไปแล้ว30เมตร อันเป็นระยะปลอดภัยสำหรับคนยิง แม้จะไม่ระเบิดในระยะต่ำกว่า30เมตรแต่ยิงดีๆโดนตัวก็ตายหรือเจ็บสาหัสได้เหมือนกันจากแรงกระแทกมหาศาล แต่ถ้าจะยิงใกล้ๆกันจริงๆมันก็เคยถูกออกแบบเพื่อการนี้มาแล้ว แรกสุดคือกระสุนศรลูกปรายหนัก10เกรนจำนวน45ลูกในช่วงต้นทศวรรษ1960 แต่ไม่ค่อยได้ผลเพราะลูกศรยิงออกไปแล้วพุ่งเปะปะมากกว่าเข้าเป้า กระสุนลูกปรายคล้ายลูกซองแบบM576ที่ได้ผลดีกว่าจึงออกมาแทนที่ในปี1966 ในหัวกระสุนคือลูกตะกั่ว20ลูก(M576E1) และ27ลูก(M576E2) ยิงใกล้ๆในการสู้รบระยะประชิดจะให้บาดแผลฉกรรจ์ แต่ไม่เหมาะกับการยิงไกลเพราะกลุ่มกระสุนจะบานจนทำลายเป้าไม่ได้เลย
แล้วใช้เครื่องยิงลูกระเบิดM79ควบคุมฝูงชนได้ไหม? ได้ แต่ต้องใช้กระสุนเพื่อหยุดยั้ง(non-lethal weapon) เช่นกระสุนแก๊ซน้ำตา(แก๊ซCS)แบบM651,กระสุนหัวฟองน้ำM1006 และกระสุนหัวยางM1029 แต่ถึงจะยิงกระสุนปราบจลาจลได้ อาวุธเพื่อการนี้โดยเฉพาะก็มีและรูปร่างคล้ายกันจนทำให้จำผิดได้บ่อยๆ คือเครื่องยิงแก๊ซน้ำตาขนาด38ม.ม. ด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางกระสุนต่างกันเพียง2ม.ม.จึงทำให้ผู้พบเห็นสับสน คิดว่าเป็นเครื่องยิงระเบิดM79ด้วยความคุ้นเคย ยิงใส่เป้าได้ทั้งวิถีราบและโค้ง กล่าวคือถ้าต้องการให้กระสุนแก๊ซน้ำตาตกใกล้ก็ยิงตรง ถ้าต้องการให้ตกไกลหรือแตกอากาศก็ยิงโค้ง การเล็งยิงตรงจึงไม่ผิดกติกาหรือใช้ความรุนแรงปราบปรามและเป็นวิธีสามัญที่ใช้กันทั่วโลก
เครื่องยิงลูกระเบิดM79คืออีกรูปแบบหนึ่งของยุทโธปกรณ์ที่มีในกองทัพทั่วโลก ด้วยประสิทธิภาพสูงและใช้งานง่าย พลยิงไม่ต้องฝึกฝนเชี่ยวชาญมากก็ยิงได้เพราะศูนย์ปืนถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายอยู่แล้ว ปัจจุบันนี้แทบจะเป็นอาวุธยอดนิยมในอิรัก ที่ทหารอเมริกันใช้ยิงทำลายทุ่นระเบิดและระเบิดแสวงเครื่อง(IED)โดยไม่ต้องรอเรียกหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด
ด้วยความแพร่หลายและใช้มานานตั้งแต่ปลายทศวรรษ1960 อาวุธอย่างM79ที่มีอยู่ทั่วโลกนับหลายล้านกระบอกจึงไม่ยากที่จะจัดหาโดยเฉพาะในบริเวณชายแดน มีให้เลือกตั้งแต่สภาพเก่าคร่ำไปจนถึงที่มาในกล่องไม้สวยหรูพร้อมลูกและคู่มือ ขนาดสมุนเจ้าพ่อยังชอบถล่มคู่อริกันด้วยอาก้า,อาร์พีจี นับประสาอะไรกับM79ที่หาได้ง่ายพอกัน สำหรับใครก็ตามที่ต้องการสร้างผลกระทบทางการเมือง !
ตามชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นอาวุธสัญชาติอเมริกัน ด้วยตัวอักษร”M”ที่ย่อจากคำว่า”Model”หรือ”แบบ” อันหมายถึงอาวุธแบบที่79ที่เข้าประจำการในกองทัพสหรัฐ มันสร้างชื่อเสียงจากสงครามเวียตนามเมื่อเกือบ40ปีก่อนในฐานะอาวุธสนับสนุนประจำหน่วยรบขนาดเล็กของทหารราบ มีวิธียิงเหมือนปืนเล็กยาวค่อนข้างไปทางปืนลูกซองเพราะยิงเสร็จแล้วหักลำเทปลอกออกท้ายลำกล้องทีละนัด ด้วยหัวกระสุนระเบิดขนาด40x46ม.ม.(เส้นผ่าศูนย์กลางและความยาวของหัวกระสุน)แบบสังหารบุคคลเป็นหลัก แต่จริงๆแล้วM79ถูกออกแบบให้ยิงกระสุนได้หลากหลาย ทั้งกระสุนสังหารบุคคล,ลูกโดด,ลูกศรโลหะ,แก๊ซน้ำตาปราบจลาจลและพลุแสง
อาวุธชนิดนี้เกิดจากโครงการวิจัยและพัฒนายุทโธปกรณ์ของกองทัพบกสหรัฐ ที่ต้องการเพิ่มกำลังชนของหน่วยรบขนาดเล็กด้วยระเบิดยิงซึ่งบรรจุได้ง่าย เร็ว ยิงง่าย อานุภาพการทำลายล้างสูงกว่าระเบิดยิงติดปลายลำกล้อง พกพาง่ายกว่าเครื่องยิงลูกระเบิดมาตรฐานเดิมที่เรารู้จักคือปืนครก( ค. เครื่องยิงลูกระเบิด) ในที่สุดก็ได้ขนาดหัวกระสุนมาตรฐานที่ลงตัวคือ40X46ม.ม. หลังจากได้ทดลองใช้งานจนพอใจจากรุ่นS-5กับXM79แล้ว เครื่องยิงลูกระเบิดนี้จึงเข้าประจำการด้วยชื่อM79เมื่อวันที่15 ธันวาคม 1960 นาน5ปีก่อนสงครามเวียตนามเกิดเต็มรูปแบบ
ถึงจะเข้าประจำการเป็นทางการตามกำหนดดังกล่าว แต่กว่าจะส่งมอบให้กองทัพบกกันจริงๆกระบอกแรกก็ล่วงเข้าปี1961 ความเชื่อถือได้ด้านกลไกและอำนาจการทำลายทำให้M79มีชื่อเล่นในหมู่ทหารอเมริกันว่า”ปืนใหญ่ของผ.บ.หมวด” มันทำลายเป้าหมายได้ตั้งแต่บุคคลถึงที่มั่นดัดแปลง นำติดตัวทหารไปได้ง่ายกว่าปืนค. ทหาร1นายสามารถนำM79ติดตัวไปได้พร้อมอาวุธประจำกาย คือปืนเล็กยาวและกระสุนระเบิดสังหารอีกนับสิบนัด เพื่อให้พกพาได้ง่ายขึ้นไปอีกทหารบางนายถึงกับตัดลำกล้องและพานท้ายให้สั้นลง ระยะยิงจึงลดลงแต่ยังไม่ใกล้พอจะทำอันตรายให้คนยิง นอกจากระบบการทำงานจะวางใจได้ ระบบการเล็งยังแม่นชนิดที่พลยิงสามารถส่งกระสุนลงถังขยะมาตรฐานได้ในระยะ140เมตร
M79ทั้งรุ่นมาตรฐานและที่ติดใต้ลำกล้องปืนตระกูลM16ในชื่อใหม่ว่าM203 ข้อดีข้อเพิ่มอำนาจการยิงให้พลปืนเล็ก แต่ข้อด้อยคือต้องยิง1นัดแล้วคัดปลอกออก ก่อนจะหยิบอีกนัดขึ้นบรรจุ หมายถึงมันมีอัตราการยิงต่ำจนไม่สามารถยิงต่อเนื่องได้ ต่อมาจึงถูกพัฒนาเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ(การทำงานเหมือนปืนลูกโม่) ให้เครื่องยิงจุลูกระเบิดมากกว่าเดิมและยิงต่อเนื่องแบบอัตโนมัติได้เหมือนปืนกล เพิ่มอำนาจการทำลายและพื้นที่ครอบคลุมเป้าหมาย
ถึงจะยิงกระสุนได้หลายแบบ แต่ที่แพร่หลายคือกระสุนระเบิดสังหารบุคคลขนาด40X46ม.ม. เรียกอีกอย่างว่าระเบิดยิง จากขนาดของมันและความเร็วเมื่อเคลื่อนที่จึงถูกจัดอยู่ในประเภทความเร็วต่ำ เทียบกับกระสุนปืนเล็กยาวอย่างM16หรืออาวุธประจำกายทหารราบอื่นๆแล้ว กระสุนM79ความเร็วต่ำกว่ามาก ต่ำจนมองเห็นกระสุนพุ่งจากลำกล้องได้เมื่อตั้งใจมองให้ดี
M79ใช้กระสุนหลักเป็นกระสุนระเบิดสังหารขนาดมาตรฐาน40X46ม.ม. แรงกว่านั้นคือ40X53ม.ม. เมื่อยาวกว่าก็ต้องแรงกว่าเป็นธรรมดาเพราะดินระเบิดมากขึ้น สะเก็ดทำลายมากขึ้นตามขนาด ยิงด้วยการกระแทกของเข็มแทงชนวนกับจอกกระทบแตกท้ายจานปลอก แล้วคัดปลอกเหมือนปืนเล็กยาวปกติทุกประการ นอกจากกระสุน40X46ม.ม.จะใช้ได้กับเครื่องยิงระเบิดเดี่ยวแบบM79และM203แบบติดใต้ปืนเล็กยาวตระกูลM16,M4 ที่ยิงแล้วต้องบรรจุกระสุนใหม่ทีละนัด ยังใช้ได้กับเครื่องยิงระเบิดอัตโนมัติM32 MGL(Multiple Grenade Launcher)แบบบรรจุโม่6นัด ยิงแล้วโม่หมุนนัดใหม่ขึ้นมาตรงเข็มแทงชนวนเหมือนปืนพกลูกโม่ไม่ผิดเพี้ยน เพื่อเพิ่มอำนาจการทำลายและพื้นที่ครอบคลุมเป้าหมาย
สำหรับกระสุนแรงขึ้นคือขนาด40X53ม.ม.ที่แรงระเบิดมากกว่า จะถูกใช้กับเครื่องยิงลูกระเบิดติดยานยนต์หรือตั้งบนสามขา ตามปกติจะยิงได้แบบอัตโนมัติเช่นเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ Mk19,Mk47”สไตรเกอร์”,GMG(Granade Machine Gun) ของเฮคเลอร์ อุนต์ โค้คที่มีรูปพรรณสัณฐานใกล้เคียงกัน หรือในอาฟริกาใต้ที่กำลังมาแรงในตลาดอาวุธโลกที่มีเวคเตอร์Y3 AGL(Automatic Grenade Launcher) ทำงานด้วยเข็มแทงชนวนกระแทกจอกกระทบแตกท้ายจานและคัดปลอกด้วยระบบโบลว์แบ็คเหมือนปืนเล็กยาวทุกประการ นอกจากกระสุนแรงสูงนี้จะใช้กับเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติติดยานยนต์แล้ว มันยังใช้กับเครื่องยิงด้วยระบบอีเลคทรอนิคติดเฮลิคอปเตอร์ได้อีก อาฟริกาใต้ได้ผลิตกระสุนแรงสูงออกมาใหม่เมื่อปี2007นี้เอง ให้ทำลายล้างได้มากกว่าแต่แรงสะท้อนถอยหลังน้อยกว่า หมายถึงความแม่นยำต้องมากกว่าตามไปด้วย
ในด้านประสิทธิภาพและอานุภาพการทำลายล้างของมัน กระสุนระเบิดแรงสูงมาตรฐานแบบM406ขนาด40ม.ม.จากลำกล้องเครื่องยิงระเบิดM79 พุ่งด้วยความเร็วต้น(ความเร็วที่วัดจากปลายลำกล้อง)75เมตรต่อวินาที ระยะยิงไกลสุดคือ400เมตร มีสะเก็ดระเบิดแตกออกได้ประมาณ300ชิ้น สะเก็ดแต่ละชิ้นพุ่งด้วยความเร็ว1,524เมตรต่อวินาที(เร็วกว่ากระสุนปืนพกสองเท่ากว่าๆ) จะยิงวิธีโค้งหรือตรงก็ได้แล้วแต่ระยะและวิธีเล็งศูนย์ ใครก็ตามที่ถูกสะเก็ดในรัศมี5เมตรจะอวัยวะฉีกขาดถึงตาย หรือบาดเจ็บสาหัสหากไม่อยู่ในที่กำบังมิดชิด ถ้านั่งใกล้ๆกันเป็นแถวแล้วโดนยิงกลางวงจะมีคนตายได้เกือบสิบ ไกลกว่านั้นความบาดเจ็บและบาดแผลจะน้อยลงลง แต่หากยิงเข้าที่อับเช่นในอาคารหรือที่มั่นดัดแปลง ผนังและเพดานอาคารเหล่านั้นจะเพิ่มแรงอัดให้เกิดความเสียหายหนักขึ้นอีก
หัวกระสุนนี้ถูกออกแบบมาให้หมุนครบรอบเสียก่อนจึงระเบิดหลังจากพ้นลำกล้องไปแล้ว30เมตร อันเป็นระยะปลอดภัยสำหรับคนยิง แม้จะไม่ระเบิดในระยะต่ำกว่า30เมตรแต่ยิงดีๆโดนตัวก็ตายหรือเจ็บสาหัสได้เหมือนกันจากแรงกระแทกมหาศาล แต่ถ้าจะยิงใกล้ๆกันจริงๆมันก็เคยถูกออกแบบเพื่อการนี้มาแล้ว แรกสุดคือกระสุนศรลูกปรายหนัก10เกรนจำนวน45ลูกในช่วงต้นทศวรรษ1960 แต่ไม่ค่อยได้ผลเพราะลูกศรยิงออกไปแล้วพุ่งเปะปะมากกว่าเข้าเป้า กระสุนลูกปรายคล้ายลูกซองแบบM576ที่ได้ผลดีกว่าจึงออกมาแทนที่ในปี1966 ในหัวกระสุนคือลูกตะกั่ว20ลูก(M576E1) และ27ลูก(M576E2) ยิงใกล้ๆในการสู้รบระยะประชิดจะให้บาดแผลฉกรรจ์ แต่ไม่เหมาะกับการยิงไกลเพราะกลุ่มกระสุนจะบานจนทำลายเป้าไม่ได้เลย
แล้วใช้เครื่องยิงลูกระเบิดM79ควบคุมฝูงชนได้ไหม? ได้ แต่ต้องใช้กระสุนเพื่อหยุดยั้ง(non-lethal weapon) เช่นกระสุนแก๊ซน้ำตา(แก๊ซCS)แบบM651,กระสุนหัวฟองน้ำM1006 และกระสุนหัวยางM1029 แต่ถึงจะยิงกระสุนปราบจลาจลได้ อาวุธเพื่อการนี้โดยเฉพาะก็มีและรูปร่างคล้ายกันจนทำให้จำผิดได้บ่อยๆ คือเครื่องยิงแก๊ซน้ำตาขนาด38ม.ม. ด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางกระสุนต่างกันเพียง2ม.ม.จึงทำให้ผู้พบเห็นสับสน คิดว่าเป็นเครื่องยิงระเบิดM79ด้วยความคุ้นเคย ยิงใส่เป้าได้ทั้งวิถีราบและโค้ง กล่าวคือถ้าต้องการให้กระสุนแก๊ซน้ำตาตกใกล้ก็ยิงตรง ถ้าต้องการให้ตกไกลหรือแตกอากาศก็ยิงโค้ง การเล็งยิงตรงจึงไม่ผิดกติกาหรือใช้ความรุนแรงปราบปรามและเป็นวิธีสามัญที่ใช้กันทั่วโลก
เครื่องยิงลูกระเบิดM79คืออีกรูปแบบหนึ่งของยุทโธปกรณ์ที่มีในกองทัพทั่วโลก ด้วยประสิทธิภาพสูงและใช้งานง่าย พลยิงไม่ต้องฝึกฝนเชี่ยวชาญมากก็ยิงได้เพราะศูนย์ปืนถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายอยู่แล้ว ปัจจุบันนี้แทบจะเป็นอาวุธยอดนิยมในอิรัก ที่ทหารอเมริกันใช้ยิงทำลายทุ่นระเบิดและระเบิดแสวงเครื่อง(IED)โดยไม่ต้องรอเรียกหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด
ด้วยความแพร่หลายและใช้มานานตั้งแต่ปลายทศวรรษ1960 อาวุธอย่างM79ที่มีอยู่ทั่วโลกนับหลายล้านกระบอกจึงไม่ยากที่จะจัดหาโดยเฉพาะในบริเวณชายแดน มีให้เลือกตั้งแต่สภาพเก่าคร่ำไปจนถึงที่มาในกล่องไม้สวยหรูพร้อมลูกและคู่มือ ขนาดสมุนเจ้าพ่อยังชอบถล่มคู่อริกันด้วยอาก้า,อาร์พีจี นับประสาอะไรกับM79ที่หาได้ง่ายพอกัน สำหรับใครก็ตามที่ต้องการสร้างผลกระทบทางการเมือง !
การเล็งยิงกระสุนแก๊สน้ำตา เล็งยิงตรงไม่ผิดกติกา แต่ต้องให้กระสุนตกไปบนพื้นราบแล้วให้ลมหอบแก๊สเข้าไป ระยะใกล้บุคคลต่ำสุดไม่ควรใกล้เกิน 10 เมตร ***ห้ามยิงเข้าใส่บุคคลโดยตรงเป็นอันขาด** เพราะสามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ เรื่องนี้แม้แต่ในเอกสารประกอบการใช้งานกระสุนแก๊สน้ำตาก็ได้เขียนไว้อย่างชัดเจน
ตอบลบ" This round may be fired in the air at an angle of approximately 25-30 degrees to
achieve maximum stand-off, or it may be skip fired into the target area from
closer ranges. When launching, it is recommended to have a spotter to ensure
canisters do not land on rooftops or other areas of concern. "
" Do not fire directly at personnel, as serious injury or death may result. "