ในแวดวงอาวุธประจำกายทหารราบปัจจุบัน นอกจากบริษัทโคลต์ ดีเฟนซ์ของสหรัฐที่ผลิตปืนเล็กยาวและปืนกลมือให้กองทัพสหรัฐและแพร่หลายในกองทัพต่างๆทั่วโลกที่เป็นพันธมิตร ระบบอาวุธจากอีกบริษัทที่พบเห็นกันบ่อยโดยเฉพาะในหน่วยรบพิเศษ คงไม่มีใครเกินบริษัทผลิตอาวุธสัญชาติเยอรมันที่สืบเชื้อสายย้อนกลับไปได้นับร้อยปี คือเฮคเลอร์ อุนท์ โค้ค(Heckler und Koch)ที่กำลังดีวันดีคืน มีนวัตกรรมใหม่ๆออกสู่สายตาผู้สนใจและนักการทหารทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นปืนกลมือใช้ลูกเลื่อนแบบใหม่ MP5,ปืนเล็กยาวโครงปืนโพลิเมอร์G36,ปืนซุ่มยิงยอดนิยมระบบกึ่งอัตโนมัติ PSG-1และปืนเล็กยาวHK416ที่กำลังมาแรง
H&Kคือบริษัทผลิตอาวุธก่อตั้งจากความร่วมมือและทุนระหว่างเอ็ดมุนด์ เฮคเลอร์,ธีโอดอร์ โค้คและอเล็กซ์ ไซเดลในปี1949 แม้โรงงานอาวุธเด่นๆอย่างชไมเซอร์จะถูกปิดหลังสงครามโลกครั้งที่2 แต่ทรัพยากรของบริษัทเมาเซอร์(ผู้ผลิตปืนเล็กยาวKAR98K,ปืนพกเมาเซอร์แบบต่างๆอันลือลั่นจากสงครามโลกครั้งที่1และ2)ยังหลงเหลืออยู่ให้จดทะเบียนได้ในชื่อใหม่ว่าเฮคเลอร์ อุนท์ โค้คในปี1950 เริ่มต้นด้วยการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน ชิ้นส่วนจักรเย็บผ้า มาตรวัดและอุปกรณ์เครื่องกลึงในชื่อเดิมว่า Heckler & Co. แต่ในที่สุดทั้งเฮคเลอร์และโค้คก็มองว่าคงไม่มีอะไรที่ตนจะถนัดเท่ากับการย้อนกลับสู้รากเหง้าเดิมคือปืนเล็ก พร้อมชื่อใหม่ในปัจจุบันคือHeckler & Koch ตามชื่อสองผู้ก่อตั้งดั้งเดิมสองคนแรกเพื่อให้เรียกและจำได้ง่าย โดยอเล็กซ์ ไซเดลยังเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหาร
ยุทธศาสตร์ของH&Kเปลี่ยนไปในปี1956เมื่อบริษัทเสนอปืนเล็กยาวอัตโนมัติG3เข้าประกวดแข่งขันเป็นปืนเล็กยาวประจำการ”บุนเดสแวร์”(Bundeswehr:กองทัพบกสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี)และประสบความสำเร็จ G3กลายเป็นอาวุธประจำกายทหารเยอรมันตะวันตกและประเทศเพื่อนบ้าน นับแต่นั้นมาปืนเล็กยาวและปืนกลมือจากH&Kก็แตกรุ่นออกไปอีกนับร้อยรวมทั้งปืนพก เพื่อรับใช้กองทัพและหน่วยงานรักษากฎหมายทั่วโลก
อาวุธที่กองทัพไทยคุ้นเคยที่สุดและได้ลิขสิทธิ์มาผลิตเองด้วยคือHK33(ปัจจุบันสรรพาวุธเลิกผลิตปืนทั้งกระบอกเหลือแต่อะไหล่) ปืนเล็กยาวใช้กระสุน5.56ม.ม.มาตรฐานนาโตที่ถูกพัฒนาในทศวรรษ1960 เพื่อเป็นอาวุธประจำกายทหารราบส่งออกราคาประหยัด ประเทศที่มีศักยภาพพอสามารถซื้อสิทธิบัตรไปผลิตเองได้ เพื่อเป็นเขี้ยวเล็บ ต้านอาวุธจากค่ายโซเวียตระหว่างสงครามเย็น
HK33เดิมถูกผลิตไว้ถึงสี่แบบ จากการปรับปรุงระบบกลไกของG3ให้ทำงานง่ายและชิ้นส่วนน้อยลงแต่ยังคงความเที่ยงตรงไว้ไม่เปลี่ยน HK33แบบแรกให้ยิงกระสุน7.62X51ม.ม.มาตรฐานนาโต แบบที่สองใช้กระสุนM43ขนาด7.62X39ม.ม.ของโซเวียต แบบที่สามใช้กระสุน5.56X45ม.ม.มาตรฐานนาโตเหมือนM16 และแบบสุดท้ายใช้ยิงกระสุนปืนพกขนาด9X19ม.ม.พาราเบลลัม ถึงจะหนักแต่ทหารที่คุ้นเคยกับHK33พูดตรงกันว่ามันยิงได้แม่นและมั่นใจในการทำงานมากกว่าปืนตระกูลM16
H&Kขายกิจการต่อให้แผนกอาวุธประจำกายของบริติช แอโรสเปซในปี1991 หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการส่งปืนเล็กยาวG41และG11เข้าแข่งขันในบุนเดสแวร์ ผลของความร่วมมือระหว่างเยอรมันและอังกฤษคือการปรับปรุงระบบการทำงานของปืนเล็กยาวSA80ให้กองทัพบกอังกฤษ และเมื่อเทคโนโลยีโพลิเมอร์(พลาสติก)ถูกพัฒนาให้ผลิตได้เหนียวและเบาพอรับความร้อนและแรงกระแทกของกระสุนได้ G36จึงเป็นผลผลิตอีกชิ้นที่H&Kใช้เป็นหัวหอกรุกตลาดอาวุธปืนเล็ก นอกจากปืนกลมือMP5คู่ใจหน่วยSWATและหน่วยรบพิเศษทั่วโลก
บริติช แอโรสเปซครอบครองH&Kอยู่จนถึงปี2002 เมื่อประมาณว่าได้ราคาดีและมีคนสู้ราคาจึงขายกิจการกลับสู่กลุ่มนายทุนเยอรมันที่รวมตัวกันกลับมาซื้อคืน ในการทำธุรกิจนั้นมุ่งกำไรก็จริงแต่ เมื่อบางครั้งเมื่อถึงเวลาศักดิ์ศรีก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอดีตคู่ปรปักษ์ที่รบกันอย่างโชกโชนมาแล้วถึงสองสงครามใหญ่ H&Kเป็นความภาคภูมิใจของเยอรมัน ดังนั้นคนเยอรมันต้องเป็นเจ้าของ
ปัจจุบันบริษัทตั้งอยู่ในเมืองโอแบร์นดอร์ฟแห่งรัฐบาเดน-ววร์ตเตมแบร์ก มีบริษัทลูกอยู่ในอังกฤษ,ฝรั่งเศสและสหรัฐ ด้วยคติพจน์ว่า”ต้องไม่เป็นรอง”(No compromise) อันแสดงถึงคุณภาพและนวัตกรรมด้านอาวุธปืนเล็กชัดเจน ปืนเล็กจากH&Kต้องไม่เป็นรองทั้งความแม่นยำ การทำงานของกลไกและความง่ายในการใช้งานและบำรุงรักษา ถึงพร้อมทุกด้านโดยไม่ทำให้คุณสมบัติด้านใดด้านหนึ่งเสียไป ประกาศณียบัตรสำคัญคือการถูกเลือกใช้ในหน่วยรบพิเศษต่างๆนอกเยอรมนี คือSAS(Special Air Service)ของอังกฤษ,หน่วยSEALแห่งกองทัพเรือ,Delta Forceแห่งกองทัพบก,หน่วยคอมมานโดสำนักสืบสวนกลางFBI ของสหรัฐ และประเทศอื่นๆทั่วโลกรวมทั้งกองทัพไทย ที่ขณะนี้มีปืนเล็กยาวจากH&Kประจำการหลายแบบ อาทิHK33,PSG-1,MP5และล่าสุดคือG36
ความโดดเด่นของปืนจากH&K นอกจากการใช้วัสดุอื่นนอกจากเหล็กสร้างปืนคือระบบการทำงานของลูกเลื่อน กลไกสำคัญเพื่อส่งกระสุนเข้ารังเพลิง จุดระเบิดและคัดปลอกทิ้งหลังหัวกระสุนพุ่งพ้นลำกล้อง เป็นเสมือนตัวการชี้ขาดความเป็นความตายของทหารหากกระสุนขัดลำกล้องในวินาทีวิกฤติ จุดเด่นของลูกเลื่อนในดีไซน์ของH&Kคือมันใช้ระบบโบลว์แบ็คหน่วงเวลา(delayed blowback) จากลูกเลื่อนมีลูกกลิ้งคู่ฝังซ้ายขวาช่วยให้ปืนยิงได้เสถียรทั้งในนัดแรกและนัดต่อๆมา ระบบนี้มีในHK33และปืนรุ่นต่อมาอีกหลายรุ่น รวมทั้งHK416ที่พัฒนากลไกจนแทบจะไว้วางใจได้ที่สุดแล้วในขณะนี้
HK416เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมที่มองผ่านๆแล้วคล้ายปืนตระกูลM4ของสหรัฐ ต่างกันที่กระโจมมือเป็นชุดรางติดอาวุธยาวตรงตลอดตั้งแต่ช่องคัดปลอกถึงศูนย์หน้า ถึงจะดูเหมือนแค่ปรับปรุงโฉมภายนอกของM4 ใช้กระสุนขนาด5.56ม.ม.นาโตเท่ากัน แต่HK416มีอะไรมากกว่านั้น โดยเฉพาะการใช้ระบบการทำงานด้วยแก๊ซแบบใหม่ของG36แต่ปรับปรุงให้ดีขึ้น ลูกเลื่อนอาจจะรูปร่างต่างกับตระกูลM16จริงแต่โครงปืนด้านบนสามารถประกอบกับเรือนเครื่องลั่นไกและช่องรับซองกระสุนด้านล่างของM16และM4ได้สนิท
จะฟันธงว่าH&KเอาปืนตระกูลM4ของโคลต์มายำใหม่ให้แจ๋วกว่าเดิมก็ได้ ไม่ผิด เพราะข้อบกพร่องต่างๆที่ทหารพบระหว่างใช้งานเช่นการขัดลำกล้อง,ปืนระเบิดใส่หน้า,ยิงไม่ออกหลังแช่น้ำแช่ทรายฯลฯนั้น 416แก้ได้เกือบหมด ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากกองทัพบกสหรัฐในระดับหนึ่ง แม้จะยังไม่ได้ทดแทนระบบอาวุธM4ทั้งกองทัพ แต่หน่วยรบพิเศษเช่นเดลตากับอีกหลายหน่วยเริ่มนำมันเข้าทดแทนM4เดิมแล้ว เพราะความเป็นอาวุธของชาติอื่นและการต้องการปกป้องอุตสาหกรรมอาวุธในบ้านตัวเอง HK416จึงยังไม่แพร่หลาย
วุฒิสมาชิกทอม โคเบิร์นแห่งรัฐโอคลาโอมาคือผู้เห็นความสำคัญ เรียกร้องให้เปิดการแข่งขันอย่างเสรีเพื่อตัดสินว่าควรจะนำHK416เข้าประจำการแทนM4อย่างถาวรหรือไม่ หรือจะยังลากใช้M4กันต่อไปหลังจากล้มโครงการXM8 เพื่อให้เห็นเปรียบเทียบกันชัดๆนายพีท เจเรนรัฐมนตรีว่าการทบวงทัพบกจึงรับหลักการในเดือนกรกฎาคม 2007 จัดให้ทดสอบปืนเล็กยาวจากหลายๆค่ายเสียเลยนอกจากโคลต์และH&Kเพื่อความยุติธรรม ผู้ส่งปืนเข้าทดสอบนอกจากสองบริษัทดังกล่าวคือฟาบรีค นาซิอ็องนาลที่ส่งปืนSCARเข้าแข่งขัน และXM8ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา(ขณะนี้ถูกล้มโครงการเรียบร้อย)
ปืนที่ทดสอบทั้งหมดจะถูกแช่น้ำ,โคลน,ทราย ทิ้งไว้ระยะหนึ่งก่อนหยิบขึ้นมายิงทันทีโดยไม่ต้องเช็ดหรือล้างชิ้นส่วนภายใน ด้วยการทดสอบกลไกขัดข้องมาตรฐานแบ่งเป็น3ระดับ(class) โดยclass1 เมื่อขัดข้องแล้วทหารจะคัดกระสุนหรือปลอกได้ภายใน10วินาทีด้วยการดึงคันรั้งลูกเลื่อน ส่วนclass2จะใช้เวลาเคลียร์กระสุนหรือปลอกนานกว่า10วินาที เหตุเป็นได้ทั้งลูกเลื่อนงับปลอกกระสุน,ปลอกฉีกติดรังเพลิง,ปลอกบวมคับรังเพลิงต้องใช้แซ่กระทุ้งจากปลายลำกล้องหรือใช้คีมปากจิ้งจกดึงปลอก และclass3คือต้องให้ช่างอาวุธซ่อม อันหมายความว่าหมดสภาพจนซ่อมไม่ได้ระหว่างใช้งาน
เมื่อทดสอบอย่างโชกโชนด้วยการยิงกระสุนต่อเนื่อง6,000นัดหลังขุดจากโคลนทรายแล้ว ผลปรากฏว่าอันดับ1คือXM8ขัดลำกล้องน้อยที่สุดด้วยจำนวน127ครั้ง ตามด้วยSCARจำนวน226ครั้ง และต่างกันเพียง7นัดคือHK416ด้วยจำนวน233นัด ส่วนอันดับโหล่สุดที่ถูกวิจารณ์ว่า”significantly worse”(ห่วยแตก)คือM4ด้วยจำนวนขัดลำกล้อง882ครั้ง! ทุกกระบอกต่างขัดข้องครบคุณสมบัติทั้งสามclass
หลังจากปืนตระกูลM16ที่รับใช้กองทัพของเรามานาน ปืนเล็กยาวที่จะเข้ามาทดแทนจึงควรมีกลไกไว้วางใจได้ ใช้ประกอบกับระบบอาวุธเดิมก็ได้ ซึ่งHK416เป็นปืนที่น่าสนใจที่สุดขณะนี้ นอกจากรูปร่างหน้าตาจะคล้ายปืนตระกูลM4,M16ที่ทหารคุ้นเคย โครงปืนและกลไกด้านบนยังประกอบกับเรือนเครื่องลั่นไกของปืนตระกูลนี้ได้ ใช้กระสุนขนาดเท่ากัน ซองกระสุนเดียวกับM4,M16 ที่พิเศษอีกอย่างคือรางด้านหน้ารอบลำกล้องเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใช้ติดอุปรณ์เสริมได้เลยทั้งไฟฉาย,เครื่องชี้เป้าด้วยอินฟราเรด,เลเซอร์จุดแดง หรือติดเครื่องยิงลูกระเบิดโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ
ประเทศเราเป็นประเทศเล็กที่กองทัพได้รับงบประมาณจำกัด การจะหายุทโธปกรณ์มาทดแทนจึงต้องใคร่ครวญให้ดีไม่ใช่สักแต่ใช้ของถูกหรือใช้ทุกอย่างตามชาติอื่นโดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง โดยเฉพาะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ปืนขัดลำกล้องนั้นสามารถชี้ชะตาชีวิตของทหารได้ ทหารที่ถูกฝึกมาดีและใช้ปืนดีด้วยจะทำให้พวกเขาปฏิบัติภารกิจด้วยความมั่นใจว่าจะรอดกลับบ้าน ถ้าจ่ายเพิ่มอีกนิดเพื่อให้ของดีและรับใช้กองทัพได้นานมันก็เป็นการตัดสินใจที่คุ้ม ได้รับการสรรเสริญจากผู้ปฏิบัติหน้าที่ คงไม่มีผู้มีอำนาจท่านใดอยากถูกก่นโคตรเหง้าแน่ เวลาสอบสวนการเสียชีวิตของทหารแล้วพบว่าเหตุเกิดจากอาวุธด้อยคุณภาพ!
H&Kคือบริษัทผลิตอาวุธก่อตั้งจากความร่วมมือและทุนระหว่างเอ็ดมุนด์ เฮคเลอร์,ธีโอดอร์ โค้คและอเล็กซ์ ไซเดลในปี1949 แม้โรงงานอาวุธเด่นๆอย่างชไมเซอร์จะถูกปิดหลังสงครามโลกครั้งที่2 แต่ทรัพยากรของบริษัทเมาเซอร์(ผู้ผลิตปืนเล็กยาวKAR98K,ปืนพกเมาเซอร์แบบต่างๆอันลือลั่นจากสงครามโลกครั้งที่1และ2)ยังหลงเหลืออยู่ให้จดทะเบียนได้ในชื่อใหม่ว่าเฮคเลอร์ อุนท์ โค้คในปี1950 เริ่มต้นด้วยการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน ชิ้นส่วนจักรเย็บผ้า มาตรวัดและอุปกรณ์เครื่องกลึงในชื่อเดิมว่า Heckler & Co. แต่ในที่สุดทั้งเฮคเลอร์และโค้คก็มองว่าคงไม่มีอะไรที่ตนจะถนัดเท่ากับการย้อนกลับสู้รากเหง้าเดิมคือปืนเล็ก พร้อมชื่อใหม่ในปัจจุบันคือHeckler & Koch ตามชื่อสองผู้ก่อตั้งดั้งเดิมสองคนแรกเพื่อให้เรียกและจำได้ง่าย โดยอเล็กซ์ ไซเดลยังเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหาร
ยุทธศาสตร์ของH&Kเปลี่ยนไปในปี1956เมื่อบริษัทเสนอปืนเล็กยาวอัตโนมัติG3เข้าประกวดแข่งขันเป็นปืนเล็กยาวประจำการ”บุนเดสแวร์”(Bundeswehr:กองทัพบกสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี)และประสบความสำเร็จ G3กลายเป็นอาวุธประจำกายทหารเยอรมันตะวันตกและประเทศเพื่อนบ้าน นับแต่นั้นมาปืนเล็กยาวและปืนกลมือจากH&Kก็แตกรุ่นออกไปอีกนับร้อยรวมทั้งปืนพก เพื่อรับใช้กองทัพและหน่วยงานรักษากฎหมายทั่วโลก
อาวุธที่กองทัพไทยคุ้นเคยที่สุดและได้ลิขสิทธิ์มาผลิตเองด้วยคือHK33(ปัจจุบันสรรพาวุธเลิกผลิตปืนทั้งกระบอกเหลือแต่อะไหล่) ปืนเล็กยาวใช้กระสุน5.56ม.ม.มาตรฐานนาโตที่ถูกพัฒนาในทศวรรษ1960 เพื่อเป็นอาวุธประจำกายทหารราบส่งออกราคาประหยัด ประเทศที่มีศักยภาพพอสามารถซื้อสิทธิบัตรไปผลิตเองได้ เพื่อเป็นเขี้ยวเล็บ ต้านอาวุธจากค่ายโซเวียตระหว่างสงครามเย็น
HK33เดิมถูกผลิตไว้ถึงสี่แบบ จากการปรับปรุงระบบกลไกของG3ให้ทำงานง่ายและชิ้นส่วนน้อยลงแต่ยังคงความเที่ยงตรงไว้ไม่เปลี่ยน HK33แบบแรกให้ยิงกระสุน7.62X51ม.ม.มาตรฐานนาโต แบบที่สองใช้กระสุนM43ขนาด7.62X39ม.ม.ของโซเวียต แบบที่สามใช้กระสุน5.56X45ม.ม.มาตรฐานนาโตเหมือนM16 และแบบสุดท้ายใช้ยิงกระสุนปืนพกขนาด9X19ม.ม.พาราเบลลัม ถึงจะหนักแต่ทหารที่คุ้นเคยกับHK33พูดตรงกันว่ามันยิงได้แม่นและมั่นใจในการทำงานมากกว่าปืนตระกูลM16
H&Kขายกิจการต่อให้แผนกอาวุธประจำกายของบริติช แอโรสเปซในปี1991 หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการส่งปืนเล็กยาวG41และG11เข้าแข่งขันในบุนเดสแวร์ ผลของความร่วมมือระหว่างเยอรมันและอังกฤษคือการปรับปรุงระบบการทำงานของปืนเล็กยาวSA80ให้กองทัพบกอังกฤษ และเมื่อเทคโนโลยีโพลิเมอร์(พลาสติก)ถูกพัฒนาให้ผลิตได้เหนียวและเบาพอรับความร้อนและแรงกระแทกของกระสุนได้ G36จึงเป็นผลผลิตอีกชิ้นที่H&Kใช้เป็นหัวหอกรุกตลาดอาวุธปืนเล็ก นอกจากปืนกลมือMP5คู่ใจหน่วยSWATและหน่วยรบพิเศษทั่วโลก
บริติช แอโรสเปซครอบครองH&Kอยู่จนถึงปี2002 เมื่อประมาณว่าได้ราคาดีและมีคนสู้ราคาจึงขายกิจการกลับสู่กลุ่มนายทุนเยอรมันที่รวมตัวกันกลับมาซื้อคืน ในการทำธุรกิจนั้นมุ่งกำไรก็จริงแต่ เมื่อบางครั้งเมื่อถึงเวลาศักดิ์ศรีก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะอดีตคู่ปรปักษ์ที่รบกันอย่างโชกโชนมาแล้วถึงสองสงครามใหญ่ H&Kเป็นความภาคภูมิใจของเยอรมัน ดังนั้นคนเยอรมันต้องเป็นเจ้าของ
ปัจจุบันบริษัทตั้งอยู่ในเมืองโอแบร์นดอร์ฟแห่งรัฐบาเดน-ววร์ตเตมแบร์ก มีบริษัทลูกอยู่ในอังกฤษ,ฝรั่งเศสและสหรัฐ ด้วยคติพจน์ว่า”ต้องไม่เป็นรอง”(No compromise) อันแสดงถึงคุณภาพและนวัตกรรมด้านอาวุธปืนเล็กชัดเจน ปืนเล็กจากH&Kต้องไม่เป็นรองทั้งความแม่นยำ การทำงานของกลไกและความง่ายในการใช้งานและบำรุงรักษา ถึงพร้อมทุกด้านโดยไม่ทำให้คุณสมบัติด้านใดด้านหนึ่งเสียไป ประกาศณียบัตรสำคัญคือการถูกเลือกใช้ในหน่วยรบพิเศษต่างๆนอกเยอรมนี คือSAS(Special Air Service)ของอังกฤษ,หน่วยSEALแห่งกองทัพเรือ,Delta Forceแห่งกองทัพบก,หน่วยคอมมานโดสำนักสืบสวนกลางFBI ของสหรัฐ และประเทศอื่นๆทั่วโลกรวมทั้งกองทัพไทย ที่ขณะนี้มีปืนเล็กยาวจากH&Kประจำการหลายแบบ อาทิHK33,PSG-1,MP5และล่าสุดคือG36
ความโดดเด่นของปืนจากH&K นอกจากการใช้วัสดุอื่นนอกจากเหล็กสร้างปืนคือระบบการทำงานของลูกเลื่อน กลไกสำคัญเพื่อส่งกระสุนเข้ารังเพลิง จุดระเบิดและคัดปลอกทิ้งหลังหัวกระสุนพุ่งพ้นลำกล้อง เป็นเสมือนตัวการชี้ขาดความเป็นความตายของทหารหากกระสุนขัดลำกล้องในวินาทีวิกฤติ จุดเด่นของลูกเลื่อนในดีไซน์ของH&Kคือมันใช้ระบบโบลว์แบ็คหน่วงเวลา(delayed blowback) จากลูกเลื่อนมีลูกกลิ้งคู่ฝังซ้ายขวาช่วยให้ปืนยิงได้เสถียรทั้งในนัดแรกและนัดต่อๆมา ระบบนี้มีในHK33และปืนรุ่นต่อมาอีกหลายรุ่น รวมทั้งHK416ที่พัฒนากลไกจนแทบจะไว้วางใจได้ที่สุดแล้วในขณะนี้
HK416เป็นปืนเล็กยาวจู่โจมที่มองผ่านๆแล้วคล้ายปืนตระกูลM4ของสหรัฐ ต่างกันที่กระโจมมือเป็นชุดรางติดอาวุธยาวตรงตลอดตั้งแต่ช่องคัดปลอกถึงศูนย์หน้า ถึงจะดูเหมือนแค่ปรับปรุงโฉมภายนอกของM4 ใช้กระสุนขนาด5.56ม.ม.นาโตเท่ากัน แต่HK416มีอะไรมากกว่านั้น โดยเฉพาะการใช้ระบบการทำงานด้วยแก๊ซแบบใหม่ของG36แต่ปรับปรุงให้ดีขึ้น ลูกเลื่อนอาจจะรูปร่างต่างกับตระกูลM16จริงแต่โครงปืนด้านบนสามารถประกอบกับเรือนเครื่องลั่นไกและช่องรับซองกระสุนด้านล่างของM16และM4ได้สนิท
จะฟันธงว่าH&KเอาปืนตระกูลM4ของโคลต์มายำใหม่ให้แจ๋วกว่าเดิมก็ได้ ไม่ผิด เพราะข้อบกพร่องต่างๆที่ทหารพบระหว่างใช้งานเช่นการขัดลำกล้อง,ปืนระเบิดใส่หน้า,ยิงไม่ออกหลังแช่น้ำแช่ทรายฯลฯนั้น 416แก้ได้เกือบหมด ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากกองทัพบกสหรัฐในระดับหนึ่ง แม้จะยังไม่ได้ทดแทนระบบอาวุธM4ทั้งกองทัพ แต่หน่วยรบพิเศษเช่นเดลตากับอีกหลายหน่วยเริ่มนำมันเข้าทดแทนM4เดิมแล้ว เพราะความเป็นอาวุธของชาติอื่นและการต้องการปกป้องอุตสาหกรรมอาวุธในบ้านตัวเอง HK416จึงยังไม่แพร่หลาย
วุฒิสมาชิกทอม โคเบิร์นแห่งรัฐโอคลาโอมาคือผู้เห็นความสำคัญ เรียกร้องให้เปิดการแข่งขันอย่างเสรีเพื่อตัดสินว่าควรจะนำHK416เข้าประจำการแทนM4อย่างถาวรหรือไม่ หรือจะยังลากใช้M4กันต่อไปหลังจากล้มโครงการXM8 เพื่อให้เห็นเปรียบเทียบกันชัดๆนายพีท เจเรนรัฐมนตรีว่าการทบวงทัพบกจึงรับหลักการในเดือนกรกฎาคม 2007 จัดให้ทดสอบปืนเล็กยาวจากหลายๆค่ายเสียเลยนอกจากโคลต์และH&Kเพื่อความยุติธรรม ผู้ส่งปืนเข้าทดสอบนอกจากสองบริษัทดังกล่าวคือฟาบรีค นาซิอ็องนาลที่ส่งปืนSCARเข้าแข่งขัน และXM8ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา(ขณะนี้ถูกล้มโครงการเรียบร้อย)
ปืนที่ทดสอบทั้งหมดจะถูกแช่น้ำ,โคลน,ทราย ทิ้งไว้ระยะหนึ่งก่อนหยิบขึ้นมายิงทันทีโดยไม่ต้องเช็ดหรือล้างชิ้นส่วนภายใน ด้วยการทดสอบกลไกขัดข้องมาตรฐานแบ่งเป็น3ระดับ(class) โดยclass1 เมื่อขัดข้องแล้วทหารจะคัดกระสุนหรือปลอกได้ภายใน10วินาทีด้วยการดึงคันรั้งลูกเลื่อน ส่วนclass2จะใช้เวลาเคลียร์กระสุนหรือปลอกนานกว่า10วินาที เหตุเป็นได้ทั้งลูกเลื่อนงับปลอกกระสุน,ปลอกฉีกติดรังเพลิง,ปลอกบวมคับรังเพลิงต้องใช้แซ่กระทุ้งจากปลายลำกล้องหรือใช้คีมปากจิ้งจกดึงปลอก และclass3คือต้องให้ช่างอาวุธซ่อม อันหมายความว่าหมดสภาพจนซ่อมไม่ได้ระหว่างใช้งาน
เมื่อทดสอบอย่างโชกโชนด้วยการยิงกระสุนต่อเนื่อง6,000นัดหลังขุดจากโคลนทรายแล้ว ผลปรากฏว่าอันดับ1คือXM8ขัดลำกล้องน้อยที่สุดด้วยจำนวน127ครั้ง ตามด้วยSCARจำนวน226ครั้ง และต่างกันเพียง7นัดคือHK416ด้วยจำนวน233นัด ส่วนอันดับโหล่สุดที่ถูกวิจารณ์ว่า”significantly worse”(ห่วยแตก)คือM4ด้วยจำนวนขัดลำกล้อง882ครั้ง! ทุกกระบอกต่างขัดข้องครบคุณสมบัติทั้งสามclass
หลังจากปืนตระกูลM16ที่รับใช้กองทัพของเรามานาน ปืนเล็กยาวที่จะเข้ามาทดแทนจึงควรมีกลไกไว้วางใจได้ ใช้ประกอบกับระบบอาวุธเดิมก็ได้ ซึ่งHK416เป็นปืนที่น่าสนใจที่สุดขณะนี้ นอกจากรูปร่างหน้าตาจะคล้ายปืนตระกูลM4,M16ที่ทหารคุ้นเคย โครงปืนและกลไกด้านบนยังประกอบกับเรือนเครื่องลั่นไกของปืนตระกูลนี้ได้ ใช้กระสุนขนาดเท่ากัน ซองกระสุนเดียวกับM4,M16 ที่พิเศษอีกอย่างคือรางด้านหน้ารอบลำกล้องเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใช้ติดอุปรณ์เสริมได้เลยทั้งไฟฉาย,เครื่องชี้เป้าด้วยอินฟราเรด,เลเซอร์จุดแดง หรือติดเครื่องยิงลูกระเบิดโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ
ประเทศเราเป็นประเทศเล็กที่กองทัพได้รับงบประมาณจำกัด การจะหายุทโธปกรณ์มาทดแทนจึงต้องใคร่ครวญให้ดีไม่ใช่สักแต่ใช้ของถูกหรือใช้ทุกอย่างตามชาติอื่นโดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง โดยเฉพาะเวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ปืนขัดลำกล้องนั้นสามารถชี้ชะตาชีวิตของทหารได้ ทหารที่ถูกฝึกมาดีและใช้ปืนดีด้วยจะทำให้พวกเขาปฏิบัติภารกิจด้วยความมั่นใจว่าจะรอดกลับบ้าน ถ้าจ่ายเพิ่มอีกนิดเพื่อให้ของดีและรับใช้กองทัพได้นานมันก็เป็นการตัดสินใจที่คุ้ม ได้รับการสรรเสริญจากผู้ปฏิบัติหน้าที่ คงไม่มีผู้มีอำนาจท่านใดอยากถูกก่นโคตรเหง้าแน่ เวลาสอบสวนการเสียชีวิตของทหารแล้วพบว่าเหตุเกิดจากอาวุธด้อยคุณภาพ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น