วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2552

ลูกซองปราบจลาจล ยิงคนแต่ไม่ตาย


การควบคุมฝูงชนหรือที่แต่ก่อนถูกเรียกว่า”ปราบจลาจล” เป็นอีกเรื่องที่พาให้ผู้ไม่รู้(หรือรู้แล้วแต่อยากบิดเบือน)เข้าใจผิดได้บ่อยๆ หรือนำไปใช้ปลุกปั่นฝ่ายตนว่ารัฐใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุ ทั้งที่อาวุธสำหรับการควบคุม(non-lethal weapon)นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้หลาบจำ ให้เข็ดแต่ไม่ตาย เพราะถ้าตายขึ้นมาเมื่อใดก็ต้องมีผู้รับผิดชอบ ขัดกับหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนซึ่งปัจจุบันนี้มีหลายองค์กรที่ดูแลเรื่องนี้อย่างแข็งขัน เว้นแต่จะมีผู้เสียชีวิตเพราะอาวุธชนิดนี้ก็ต้องมาพิจารณาดูว่ามันถูกจัดซื้อมาอย่างถูกต้องตามขั้นตอน มีคุณภาพตามมาตรฐานหรือไม่ ถ้าพบว่าบกพร่องก็ต้องสืบหาตัวผู้จัดซื้อมาดำเนินการต่อไป บทความของผมจะไม่ก้าวล่วงไปในเรื่องนั้นซึ่งเป็นกระบวนการทางกฎหมาย มีผู้เสียหายและจำเลยต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้จะเป็นการอธิบายเพื่อให้ผู้ข้องใจได้เข้าใจ ได้ใช้สติพิจารณาข้อมูลอันไม่บิดเบือน ถึงรายละเอียดอันอ่อนไหวบางประเภทเกี่ยวกับอาวุธใช้เพื่อควบคุมฝูงชน เช่นที่ระบุไว้ตรงหัวเรื่องว่าเกี่ยวกับลูกซอง และเป็นลูกซองปราบจลาจล(riot shotgun)มีใช้ในวงการรักษากฎหมายทั่วโลก ไม่ใช่มีแค่ประเทศไทยแห่งเดียว และกระสุนที่ใช้ก็ไม่ได้มีแค่กระสุนสังหารอย่างเดียว กระสุนแบบอื่นๆที่ยิงแล้วแค่เจ็บแต่ไม่ตายก็มี
ด้วยรูปพรรณสัณฐานของมันเมื่อแรกเห็น ทำให้ลูกซองชนิดนี้ถูกเข้าใจผิดไปว่ายิงได้แต่กระสุนสังหารเท่านั้น แต่จริงๆแล้วกระสุนไม่สังหารมันก็ยิงได้ ถึงปืนลูกซองปกติจะถูกออกแบบมาเพื่อใช้ล่าสัตว์,ป้องกันตัวหรือเพื่อกิจการใดก็ตาม มันได้ถูกดัดแปลงหรือออกแบบใหม่ให้ปราบจลาจลโดยเฉพาะ หน้าที่หลักคือ”เพื่อป้องกัน” ใช้เพื่อป้องกันตัวเจ้าหน้าที่ไม่ใช่เพื่อสังหารฝ่ายก่อความไม่สงบ เพราะโดยธรรมชาติของปืนชนิดนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ยิงไกล ระยะหวังผลแค่10-20เมตรก็ถือว่าพอแล้ว มันเล็งละเอียดแบบปืนไรเฟิลไม่ได้แต่สาดลูกตะกั่วกลมๆได้ไม่พลาดเป้ารูปคนในระยะดังกล่าว จึงไม่เคยเห็นลูกซองที่ไหนติดกล้องเล็งแบบปืนซุ่มยิงนอกจากดีที่สุดก็แค่ศูนย์เล็งจุดแดงสำหรับต่อสู้ระยะประชิด(เว้นแต่รุ่นลำกล้องยาวสำหรับล่าสัตว์ที่ติดกล้องเล็ง) รู้ว่าตรงไหนเป็นเป้าก็หันปืนไปหาแล้วสาดได้เลย ลูกตะกั่วกลมๆตั้งแต่9ลูกถึง200ลูกนั้นยังไงก็ต้องโดนเป้าเข้าสักลูก ไม่ต้องเล็งก็ยังโดน
ด้วยลำกล้องเรียบไร้เกลียวและกว้าง จึงเป็นอาวุธหนึ่งในไม่กี่ชนิดที่ถูกดัดแปลงหรือออกแบบใหม่เพื่อควบคุมฝูงชน โดยเฉพาะเพื่อให้ยิงกับกระสุนพิเศษที่ไม่ทำให้ถึงตาย แค่ใช้เสียงดังข่มและแรงกระแทกให้เป้าหมดสภาพก่อนเข้าไปจับกุมหรือเพื่อผลักดันให้ออกจากพื้นที่เป้าหมาย
ลักษณะสำคัญของปืนลูกซองปราบจลาจลคือตัวลำกล้องที่สั้น ตามปกติจะยาว14นิ้ว,18ถึง18นิ้วครึ่งหรือ20นิ้ว” เพื่อความกะทัดรัดคล่องตัวจับถือง่าย สะดวกต่อการเก็บไว้ในยานยนต์และยิ่งง่ายต่อการประทับเล็งกับเป้านิ่ง ตามปกติลูกซองปราบจลาจลจะทำงานระบบปัมพ์แอคชั่น(pump-action)ที่ใช้ง่าย รวดเร็ว ราคาต่ำและเชื่อถือได้ในยามคับขัน แค่เล็ง ปลดเซฟ เหนี่ยวไกแล้วดึงกระโจมมือมาข้างหลังเพื่อคัดปลอก แต่ในปัจจุบันเมื่อแบบกึ่งอัตโนมัติถูกนำเข้าประจำการ มันก็แพร่หลายไปทั้งในกองทัพและหน่วยงานรักษากฎหมาย เพราะยิงได้เร็วแทบไม่ต่างจากไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ ฝึกดีๆจะยิงครอบคลุมพื้นที่ได้มาก
ตามปกติจะใช้กระสุน12เกจ ยิงได้ถึงขนาดมาตรฐาน2.75นิ้วหรือสามนิ้วแม็กนัม เพื่อการปราบจลาจลจะไม่ใช้ลูกตะกั่วแต่เปลี่ยนมาใช้กระสุนถุง(bean bag) ที่จะคลี่ออกหลังพ้นลำกล้องแล้วพุ่งเข้ากระทบเป้าให้เจ็บและจำจนอยากจะวิ่งหนีไปที่อื่น(ถ้ายังวิ่งไหว) กระนั้นลูกซองปราบจลาจลที่ใช้กระสุน20เกจและ.410แม็กนัมก็มีให้เห็น พวกลำกล้องเล็กลงไปจะใช้เพื่อเฝ้าบ้านเพราะแรงถีบน้อยและยิงได้แม่นดีในระยะใกล้ๆ เหมาะจะมีไว้ป้องกันทรัพย์สินในครัวเรือน แรงถีบของมันน้อยจนทิ้งไว้กับภรรยาได้ยามพ่อบ้านไปทำธุระไกลๆ ไม่ต้องฝึกจนชำนาญก็ยิงถูกเป้าถ้าไม่ถูกแย่งปืนไปเสียก่อน
นอกจากสั้นและลำกล้องใหญ่ อีกคุณลักษณะเด่นของลูกซองปราบจลาจลคือจุกระสุนได้มาก ขณะลูกซองล่าสัตว์ทั่วไปจุกระสุนได้2ถึง5นัด แต่มันต้องใช้หลอดกระสุนยาวเท่าลำกล้อง ให้ใส่ได้6ถึง9นัด ตามแต่รุ่นและความยาวของกระสุน ต้องมากเข้าไว้ถ้าม็อบตรงนั้นทำท่าว่าจะรุนแรงจนพูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง ยิงต่อเนื่องได้มากย่อมหมายถึงเรื่องจบเร็วและความสูญเสียน้อย
เว้นแต่ฝ่ายม็อบจะพกเครื่องทุ่นแรงเหนือกว่าเช่นปืนเล็กยาวหรือปืนพก ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องมีมาตรการป้องกันตัวเองให้รัดกุมเช่นโล่กันกระสุน หมวกนิรภัยและอาวุธเชิงป้องกัน คงมีอะไรไม่ได้มากกว่านั้นเพราะหากยิงกระสุนจริงเข้าหมู่ผู้ชุมนุมทั้งที่เป็นการป้องกันตัว อาจถูกฟ้องร้องดำเนินคดีไม่จบสิ้น
ความแตกต่างระหว่างลูกซองปราบจลาจลกับล่าสัตว์หรือลูกซองต่อสู้ยังไม่จบ แทนทีจะมี”เฟอร์นิเจอร์”เป็นไม้ มันถูกทำให้กลมกลืนและเรียบง่ายด้วยลำกล้องสีดำ แทนไม้ด้วยพลาสติกและยาง ในลูกซองปราบจลาจลแท้ๆจะมีให้ทั้งพานท้ายทั้งตายตัวและพับได้กับด้ามเหมือนปืนพกมาด้วย แต่ก็มีหลายรุ่นที่ไม่มีพานท้ายเพื่อความกะทัดรัดรวดเร็วต่อการใช้งาน ในรุ่นเด่นๆจะมีด้ามจับเพิ่มมาอีกอันใต้ลำกล้อง จับตรงนี้แล้วปั๊มคัดปลอกกระสุนได้คล่อง บรรจุกระสุนนัดใหม่ได้ง่ายแค่ตะแคงปืนแล้วหย่อนลูกก่อนผลักด้ามจับไปข้างหน้า ดันลูกเข้ารังเพลิงพร้อมยิงนัดต่อไป
ถ้าจะถามว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างปืนลูกซองปราบจลาจลกับลูกซองต่อสู้ คำถามนี้ตอบได้ยากเพราะแทบไม่ต่างกันเลย จึงต้องพิจารณาที่ภารกิจและประเภทของกระสุนที่ใช้ ลูกซองต่อสู้จะใช้ยิงกระสุนจริงทั้งลูกปราย(เป็นเม็ดตะกั่วกลมเล็กๆเรียงตัวอัดแน่นในปลอกกระสุน)และลูกโดด(ลูกตะกั่วใหญ่ลูกเดียวเส้นผ่าศูนย์กลางเท่าลำกล้อง) ใช้เพื่อป้องกันตัว ทำลายลูกบิดประตูเมื่อจะตรวจค้น และในหลายๆกรณีจะติดได้ทั้งดาบปลายปืน ที่เพิ่มเข้ามาในปัจจุบันคือศูนย์เล็งจุดแดงและไฟฉายแรงสูง มีปลอกระบายความร้อนหุ้มบนลำกล้อง เพื่อป้องกันมือถูกลำกล้องลวกหลังจากยิงกระสุนเป็นชุดจนร้อนจัด
เมื่อลูกซองทั้งสองประเภทแทบไม่ต่างกัน ก็มาถึงตอนสำคัญเมื่อเกิดคำถามว่าตำรวจใช้กระสุนแบบไหนปราบจลาจล? แรกเริ่มคือเมื่อกระบวนการทางสิทธิมนุษยชนงอกงาม นานาชาติให้ความสำคัญต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน จนเกิดหน่วยงานเพื่อสอดส่องไม่ให้รัฐกระทำการเกินกว่าเหตุเมื่อต้องระงับความวุ่นวาย ทำให้ต้องพัฒนาอาวุธเพื่อควบคุมฝูงชนจนเป็นอุตสาหกรรม
ดังที่ผมได้เคยแจงไปแล้วในบทความเรื่อง”อาวุธปราบคนดื้อ”เมื่อหลายฉบับก่อน กระสุนที่ใช้กับลูกซองจึงถูกพัฒนาไปด้วยให้ทำได้แค่”เจ็บตัว”แต่ไม่ถึง”ตาย” มันจึงยิงได้ทั้งกระสุนถุง,กระสุนแก๊ซน้ำตาและกระสุนหัวยางมีลำตัวเป็นพลาสติก เมื่อเดือนมกราคมปีนี้เองที่มีกระสุน12เกจแบบช็อคไฟฟ้า(electroshock weapon)เพื่อส่งกระแสไฟนับหมื่นโวลต์ช็อคเป้าหมายจนเปลี้ยไปชั่วขณะ จากบริษัทเทเซอร์(TASER)ของสหรัฐให้ใช้ด้วย อีกความแตกต่างอันชัดเจนคือความเร็วต้น กระสุนลูกซองสังหารจะพุ่งด้วยความเร็ว1,200-1,400ฟุต/วินาที ขณะกระสุนหัวยางทรงตัวด้วยหางจะทำความเร็วต่ำกว่าเกือบครึ่ง บวกกับน้ำหนักที่น้อยกว่าเพราะไม่ใช่โลหะและต้านลม ยิงลดโอกาสทำลายอวัยวะได้เกือบเป็นศูนย์เว้นแต่ถูกยิงในระยะประชิดที่อย่างมากก็แค่เจ็บ
ในสถานการณ์ปัจจุบัน การเห็นรูปพรรณว่าเป็นลูกซองในมือหน่วยปราบจลาจลจึงไม่ได้หมายความว่าต้องยิงให้ตาย ต้องการแค่เจ็บ,หลาบจำและต้องยิงไม่ให้ตายในทุกกรณี แม้แต่เครื่องยิงแก๊ซขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำกล้อง38ม.ม.ก็ถูกเข้าใจว่าเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดM79ขนาดลำกล้อง40ม.ม.ได้ ความแตกต่างแค่2ม.ม.นั้นแทบแยกไม่ออกเลยในระยะไกล พาลให้เข้าใจไปได้ว่าเป็นเครื่องยิงลูกระเบิดทั้งหมด นับประสาอะไรกับลูกซองที่แทบไม่ต่างเลยระหว่างแบบต่อสู้กับปราบจลาจล กับความเข้าใจแบบฝังหัวว่าถ้าเป็นลูกซองแล้วต้องยิงให้ตาย
การจะปักใจเชื่อสิ่งใดที่เห็นจึงควรตั้งสติให้มั่น โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องคอขาดบาดตายยิ่งต้องคิดให้หนักถึงความเป็นไปได้ ต้องคิดถึงเหตุผลว่าในสภาวะที่ต้องระวังตัวเพราะถูกเฝ้ามองจากสังคมนั้น ผู้ใช้อาวุธย่อมอยู่ในสถานะเปราะบางกว่าฝ่ายยั่วยุเพราะเป็นผู้ถืออาวุธร้ายแรง ต้องทำงานอย่างระมัดระวังอย่างถึงที่สุด และยากลำบากเพราะเสี่ยงต่อการประณาม ความด้อยทางวุฒิภาวะของสื่อบางแขนงที่เสนอภาพและข่าวด้วยความคะนอง ปราศจากการสืบเสาะข้อมูลให้ถูกต้อง คืออีกปัจจัยสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าทำให้สถานการณ์ที่แรงอยู่แล้วกลับเลวร้ายลงไปอีก
การแสวงหาข้อมูลใดๆในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากถ้ารู้จักเสาะหา การตัดสินถูกผิดด้วยโมหะจริตโดยละเลยเหตุผลและไม่ยอมรับฟังความคิดที่แตกต่างนั้น สร้างความวิบัติได้ในวงกว้าง ไม่ใช่สิ่งที่วิญญูชนพึงกระทำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น