เมื่อไม่กี่วันนี้ใครก็ตามที่ติดตามข่าวการประท้วงหน้ารัฐสภา จะทราบว่าเกิดการปะทะขึ้นระหว่างกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกับตำรวจปราบจลาจล ตามข่าวที่ขานรับเป็นเสียงเดียวกันและรายงานข่าวให้คิดไปในทางเดียวกัน ก็คือเจ้าหน้าที่ยิงแก๊ซน้ำตาใส่กลุ่มผู้พยายามบุกรุกรัฐสภาจน”ขาขาด” ต่อมายังมีการลำดับเหตุการณ์ด้วยภาพทำนองเปรียบเทียบ เป็นภาพมือตำรวจถือวัตถุกลมขนาดใหญ่กว่ามะกรูดเล็กน้อย ตามด้วยภาพหนึ่งในผู้ชุมนุมนั่งจมกองเลือดในสภาพขาขาด ถ้าไม่คิดให้ดีจะเข้าใจตามลำดับรูปได้ว่าเพราะเจ้าลูกกลมในมือตำรวจนั่นเองที่ทำให้ขาขาด
สิ่งนี้ทำให้ต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจตามการชี้นำ ว่าด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง ตำรวจที่ไหนจะขว้างระเบิดลูกเกลี้ยงใส่ฝูงชน เพราะลำพังแก๊ซน้ำตาเพียงอย่างเดียวคงไม่ทำให้ขาขาดดังภาพ มันต้องเป็นระเบิดสังหารที่ส่งสะเก็ดคมๆกระจายด้วยแรงอัดตัดอวัยวะสำคัญ อยู่ใกล้มากก็แรงถึงตัดเข้ากระดูกทำให้อวัยวะส่วนนั้นขาด ถ้าเช่นนั้นเจ้าลูกกลมๆในมือตำรวจในภาพ และอีกลูกที่ผู้ชุมนุมชูให้ดูหลังจากถูกใช้งานแล้วคืออะไร?
คำตอบก็คือแก๊ซขว้างปราบจลาจลแบบ M47ผลิตในสหรัฐฯ อีกรูปแบบของการใช้แก๊ซปราบปรามจลาจล ถูกจัดอยู่ในประเภทอาวุธเพื่อปราบปราม(Non-Lethal Weapon) เพื่อหยุดยั้งการกระทำหรือเปลี่ยนพฤติกรรมของฝูงชนในขณะนั้น มิใช่เพื่อสังหาร แต่จะทำให้คนถูกขว้างถึงกับขาขาดได้หรือไม่คงต้องมาดูรายละเอียดการทำงานกัน
เริ่มต้นที่ส่วนประกอบของM47 ประกอบด้วยเปลือกภายนอกสุดเป็นยางแข็งรูปครึ่งวงกลมสองชิ้นเชื่อมประกบกัน ภายในบรรจุสารซีเอส ไพโรเทคนิค(CS pyrotechnic) ลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆอัดแน่น เมื่อดึงสลักนิรภัยออกจะมีชนวนหน่วงเวลาแบบM227ที่จะถ่วงเวลาไว้2.5ถึง3.5วินาที ให้ผู้ใช้งานมีเวลาเงื้อและขว้างระหว่างนั้นจะได้ไม่โดนแก๊ซเล่นงาน เมื่อหมดเวลาที่หน่วงไว้ลูกแก๊ซจะทำงานตามขั้นตอนคือจุดระเบิด เผาสารซีเอสข้างในให้ไหม้ปล่อยลำแก๊ซซีเอสแรงดันสูงออกมาทางช่องเล็กด้านบน แรงดันแก๊ซนี้จะผลักดันให้ตัวระเบิดกลมๆหมุนไร้ทิศทางทันทีที่ถึงพื้น ยากแก้การวิ่งไล่จับแล้วขว้างกลับสู่คนขว้างแต่แรก
เมื่อทำงานแล้วมันจะไหม้ควันคลุ้งอยู่นาน 5 ถึง 25วินาที ก่อนจะออกฤทธิ์ตามมาในอีก15วินาทีหลัง และจะคงอำนาจการทำให้ระคายเคืองไว้ตั้งแต่ 30นาทีถึงอีกหลายชั่วโมง การทำงานของแก๊ซน้ำตาขว้างจึงไม่ใช่ระเบิดส่งสะเก็ดแต่ปล่อยแค่ควันลอยเป็นม่านหนา การทำเป็นลูกบอลก็เพื่อให้ขว้างเข้าที่หมายได้ง่ายไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม เช่นปืนยิง มันใช้ง่ายไม่ต้องเล็ง ถูกเป้าหมายก็ไม่บาดเจ็บนอกจากฟกช้ำเล็กน้อยถ้าถูกส่วนโลหะของลูกแก๊ซ แต่หลังจากกลไกทำงานแล้วจะไม่ระเบิดแค่”พ่นแก๊ซน้ำตา”ออกมาเท่านั้น
ส่วนตัวแก๊ซที่ใช้ก็คือแก๊ซCS มีชื่อเต็มๆยาวเหยียดว่า ทูว์-คลอโรเบนซาลมาโลโนไนไตรล์(2-chlorobenzalmalononitrile) เป็นแก๊ซพื้นฐานในอาวุธเพื่อควบคุมฝูงชนทั่วไป และเป็นที่ยอมรับในวงการผู้รักษากฎหมายทั่วโลกว่าไม่ทำอันตรายถึงตาย(non-lethal) เดิมถูกพัฒนาและทดสอบลับๆตั้งแต่ทศวรรษ1950-1960โดยบริษัทพอร์ตัน ดาวน์ในเมืองวิลท์ไชร์ อังกฤษ ใช้ได้ดีกับคนแต่ไม่ค่อยได้ผลกับสัตว์ขนหนา เพราะรูน้ำตาเล็กและมีขนหนาป้องกัน ใครที่สูดดมแก๊ซCSเข้าไปจะมีอาการอย่างเดียวกันเช่นกับชื่อของมัน คือเคืองตาจนน้ำตาไหลพร่างพรูถ้าถูกตา เมื่อสูดเข้าปอดจะระคายเคืองถึงขนาดอาเจียน ไม่เคยมีรายงานการทดลองใดแม้แต่ในสัตว์ว่าแก๊ซนี้ทำให้ขา แขน หรืออวัยวะอื่นใดขาด
หลังจากสัมผัสแก๊ซนี้แล้วผู้ป่วยจะระคายเคืองต่อมาอีกครึ่งชั่วโมงถ้าอยู่ปลายลม แต่จะร้องไห้กันนานแถมอาเจียนอีกตั้งแต่หนึ่งถึงสี่ชั่วโมงถ้าอยู่ในตำบลระเบิดตก
จากภาพที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์และในเว็บไซต์ ระเบิดที่ยังไม่ได้ใช้ในมือตำรวจและซากของมันที่ไม่ได้เสียรูปร่างในมือผู้ชุมนุมคนหนึ่ง ทำให้เข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นระเบิดแก๊ซน้ำตาM47 ไม่ใช่ระเบิดสังหารแบบ”ลูกเกลี้ยง”ตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมและสื่ออีกหลายสำนักพยายามชี้นำให้เข้าใจ ดูแค่สียังแตกต่างกันชัดเจนแล้ว ระหว่างสีขาวหม่นๆของM47กับสีเขียวขี้ม้าของระเบิดสังหารบุคคลลูกเกลี้ยงM67นั้นมันต่างกันแบบดูอย่างไรก็ไม่มีทางเหมือน ในทางการทหารและตำรวจนั้นเขาแบ่งประเภทการใช้งานของอาวุธยิงและขว้างไว้ชัดเจนอยู่แล้วด้วยสี ไม่เว้นแม้แต่ระเบิดขว้างสังหารหรือแก๊ซน้ำตาขว้าง
แม้แต่ขนาดและน้ำหนักก็ยังต่างกัน ระเบิดสังหารM67นั้นหนักและใหญ่กว่าM47 มันต้องใหญ่กว่าเพราะต้องบรรจุเนื้อโลหะให้มากเพื่อแตกออกทำลายเป้าหมายเป็นวงกว้าง ต้องหนักกว่าเพื่อให้ขว้างได้ไกลไม่เป็นอันตรายต่อคนขว้าง มีสีเขียวคาดเหลืองหรือเขียวล้วนๆไว้เพื่อบอกให้ทราบว่าใช้งานเพื่อทำลาย แตกต่างจากลูกซ้อมที่เป็นสีฟ้าเข้มทั้งลูก และยิ่งแตกต่างจากแก๊ซขว้างM47ตรงสีที่ชัดเจน ระหว่างเขียวและขาวหม่น
ที่สำคัญคือเมื่อทำงานแล้วจะระเบิดออกเป็นสะเก็ดเล็กๆพุ่งด้วยความเร็วสูงเจาะเข้าเป้า ไม่สามารถเก็บมาถ่ายรูปได้เป็นลูกๆตามภาพข่าว เว้นแต่ระเบิดด้านที่จะยังคงสภาพเดิม แต่ในภาพต่างๆกลับไม่พบภาพใดเลยว่าเป็นM67 ไม่มีภาพตำรวจหรือผู้ชุมนุมคนใดเลยที่ถือM67
เราจะไม่พูดถึงว่าตำรวจได้กระทำอย่างถูกขั้นตอนของการปราบจลาจลและควบคุมฝูงชนหรือไม่ แต่อยากเน้นที่วิธีการเสนอข่าวของสื่อซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่เสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา จะด้วยความหวังเพื่อเพิ่มยอดขายหรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะไม่รู้จักก็ตาม พอเห็นลูกกลมๆเกลี้ยงๆก็ทึกทักเอาว่าเป็นระเบิดสังหารลูกเกลี้ยง โดยมองข้ามหลักเหตุไปว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าหน้าที่ถูกจับตามองจากหลายฝ่ายเรื่องการใช้ความรุนแรงอยู่แล้วย่อมต้องระวัง ไม่นำอาวุธสังหารมาใช้เพื่อควบคุมฝูงชนเด็ดขาด เพราะจะเป็นความรุนแรงเข้าทางฝ่ายที่ยั่วยุต้องการให้เกิดอยู่แล้ว
เว้นแต่ความรุนแรงนั้นจะเกิดเองในหมู่ผู้ประท้วง ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่ขว้างระเบิดใส่กันเองไปจนถึงนำระเบิดมาจะขว้างแล้วพลาด ทำตกพื้นใกล้ๆจนขาขาดหรืออื่นๆที่ท่านอื่นๆตั้งสมมุติฐานไว้แล้ว ซึ่งจะไม่ขอพูดถึงนอกจากเสนอรายละเอียดความแตกต่างไว้ เพื่อให้เข้าใจว่าแก๊ซขว้างนั้นลำพังไม่สามารถตัดแขนขาขาดได้ และโดยสามัญสำนึกแล้วฝ่ายปราบปรามจะไม่ใช้เด็ดขาด ส่วนที่เหลือขอให้ผู้อ่านมติชนทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณเอาเองครับ
สิ่งนี้ทำให้ต้องคิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนตัดสินใจตามการชี้นำ ว่าด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ที่ต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง ตำรวจที่ไหนจะขว้างระเบิดลูกเกลี้ยงใส่ฝูงชน เพราะลำพังแก๊ซน้ำตาเพียงอย่างเดียวคงไม่ทำให้ขาขาดดังภาพ มันต้องเป็นระเบิดสังหารที่ส่งสะเก็ดคมๆกระจายด้วยแรงอัดตัดอวัยวะสำคัญ อยู่ใกล้มากก็แรงถึงตัดเข้ากระดูกทำให้อวัยวะส่วนนั้นขาด ถ้าเช่นนั้นเจ้าลูกกลมๆในมือตำรวจในภาพ และอีกลูกที่ผู้ชุมนุมชูให้ดูหลังจากถูกใช้งานแล้วคืออะไร?
คำตอบก็คือแก๊ซขว้างปราบจลาจลแบบ M47ผลิตในสหรัฐฯ อีกรูปแบบของการใช้แก๊ซปราบปรามจลาจล ถูกจัดอยู่ในประเภทอาวุธเพื่อปราบปราม(Non-Lethal Weapon) เพื่อหยุดยั้งการกระทำหรือเปลี่ยนพฤติกรรมของฝูงชนในขณะนั้น มิใช่เพื่อสังหาร แต่จะทำให้คนถูกขว้างถึงกับขาขาดได้หรือไม่คงต้องมาดูรายละเอียดการทำงานกัน
เริ่มต้นที่ส่วนประกอบของM47 ประกอบด้วยเปลือกภายนอกสุดเป็นยางแข็งรูปครึ่งวงกลมสองชิ้นเชื่อมประกบกัน ภายในบรรจุสารซีเอส ไพโรเทคนิค(CS pyrotechnic) ลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆอัดแน่น เมื่อดึงสลักนิรภัยออกจะมีชนวนหน่วงเวลาแบบM227ที่จะถ่วงเวลาไว้2.5ถึง3.5วินาที ให้ผู้ใช้งานมีเวลาเงื้อและขว้างระหว่างนั้นจะได้ไม่โดนแก๊ซเล่นงาน เมื่อหมดเวลาที่หน่วงไว้ลูกแก๊ซจะทำงานตามขั้นตอนคือจุดระเบิด เผาสารซีเอสข้างในให้ไหม้ปล่อยลำแก๊ซซีเอสแรงดันสูงออกมาทางช่องเล็กด้านบน แรงดันแก๊ซนี้จะผลักดันให้ตัวระเบิดกลมๆหมุนไร้ทิศทางทันทีที่ถึงพื้น ยากแก้การวิ่งไล่จับแล้วขว้างกลับสู่คนขว้างแต่แรก
เมื่อทำงานแล้วมันจะไหม้ควันคลุ้งอยู่นาน 5 ถึง 25วินาที ก่อนจะออกฤทธิ์ตามมาในอีก15วินาทีหลัง และจะคงอำนาจการทำให้ระคายเคืองไว้ตั้งแต่ 30นาทีถึงอีกหลายชั่วโมง การทำงานของแก๊ซน้ำตาขว้างจึงไม่ใช่ระเบิดส่งสะเก็ดแต่ปล่อยแค่ควันลอยเป็นม่านหนา การทำเป็นลูกบอลก็เพื่อให้ขว้างเข้าที่หมายได้ง่ายไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม เช่นปืนยิง มันใช้ง่ายไม่ต้องเล็ง ถูกเป้าหมายก็ไม่บาดเจ็บนอกจากฟกช้ำเล็กน้อยถ้าถูกส่วนโลหะของลูกแก๊ซ แต่หลังจากกลไกทำงานแล้วจะไม่ระเบิดแค่”พ่นแก๊ซน้ำตา”ออกมาเท่านั้น
ส่วนตัวแก๊ซที่ใช้ก็คือแก๊ซCS มีชื่อเต็มๆยาวเหยียดว่า ทูว์-คลอโรเบนซาลมาโลโนไนไตรล์(2-chlorobenzalmalononitrile) เป็นแก๊ซพื้นฐานในอาวุธเพื่อควบคุมฝูงชนทั่วไป และเป็นที่ยอมรับในวงการผู้รักษากฎหมายทั่วโลกว่าไม่ทำอันตรายถึงตาย(non-lethal) เดิมถูกพัฒนาและทดสอบลับๆตั้งแต่ทศวรรษ1950-1960โดยบริษัทพอร์ตัน ดาวน์ในเมืองวิลท์ไชร์ อังกฤษ ใช้ได้ดีกับคนแต่ไม่ค่อยได้ผลกับสัตว์ขนหนา เพราะรูน้ำตาเล็กและมีขนหนาป้องกัน ใครที่สูดดมแก๊ซCSเข้าไปจะมีอาการอย่างเดียวกันเช่นกับชื่อของมัน คือเคืองตาจนน้ำตาไหลพร่างพรูถ้าถูกตา เมื่อสูดเข้าปอดจะระคายเคืองถึงขนาดอาเจียน ไม่เคยมีรายงานการทดลองใดแม้แต่ในสัตว์ว่าแก๊ซนี้ทำให้ขา แขน หรืออวัยวะอื่นใดขาด
หลังจากสัมผัสแก๊ซนี้แล้วผู้ป่วยจะระคายเคืองต่อมาอีกครึ่งชั่วโมงถ้าอยู่ปลายลม แต่จะร้องไห้กันนานแถมอาเจียนอีกตั้งแต่หนึ่งถึงสี่ชั่วโมงถ้าอยู่ในตำบลระเบิดตก
จากภาพที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์และในเว็บไซต์ ระเบิดที่ยังไม่ได้ใช้ในมือตำรวจและซากของมันที่ไม่ได้เสียรูปร่างในมือผู้ชุมนุมคนหนึ่ง ทำให้เข้าใจได้ว่าน่าจะเป็นระเบิดแก๊ซน้ำตาM47 ไม่ใช่ระเบิดสังหารแบบ”ลูกเกลี้ยง”ตามที่กลุ่มผู้ชุมนุมและสื่ออีกหลายสำนักพยายามชี้นำให้เข้าใจ ดูแค่สียังแตกต่างกันชัดเจนแล้ว ระหว่างสีขาวหม่นๆของM47กับสีเขียวขี้ม้าของระเบิดสังหารบุคคลลูกเกลี้ยงM67นั้นมันต่างกันแบบดูอย่างไรก็ไม่มีทางเหมือน ในทางการทหารและตำรวจนั้นเขาแบ่งประเภทการใช้งานของอาวุธยิงและขว้างไว้ชัดเจนอยู่แล้วด้วยสี ไม่เว้นแม้แต่ระเบิดขว้างสังหารหรือแก๊ซน้ำตาขว้าง
แม้แต่ขนาดและน้ำหนักก็ยังต่างกัน ระเบิดสังหารM67นั้นหนักและใหญ่กว่าM47 มันต้องใหญ่กว่าเพราะต้องบรรจุเนื้อโลหะให้มากเพื่อแตกออกทำลายเป้าหมายเป็นวงกว้าง ต้องหนักกว่าเพื่อให้ขว้างได้ไกลไม่เป็นอันตรายต่อคนขว้าง มีสีเขียวคาดเหลืองหรือเขียวล้วนๆไว้เพื่อบอกให้ทราบว่าใช้งานเพื่อทำลาย แตกต่างจากลูกซ้อมที่เป็นสีฟ้าเข้มทั้งลูก และยิ่งแตกต่างจากแก๊ซขว้างM47ตรงสีที่ชัดเจน ระหว่างเขียวและขาวหม่น
ที่สำคัญคือเมื่อทำงานแล้วจะระเบิดออกเป็นสะเก็ดเล็กๆพุ่งด้วยความเร็วสูงเจาะเข้าเป้า ไม่สามารถเก็บมาถ่ายรูปได้เป็นลูกๆตามภาพข่าว เว้นแต่ระเบิดด้านที่จะยังคงสภาพเดิม แต่ในภาพต่างๆกลับไม่พบภาพใดเลยว่าเป็นM67 ไม่มีภาพตำรวจหรือผู้ชุมนุมคนใดเลยที่ถือM67
เราจะไม่พูดถึงว่าตำรวจได้กระทำอย่างถูกขั้นตอนของการปราบจลาจลและควบคุมฝูงชนหรือไม่ แต่อยากเน้นที่วิธีการเสนอข่าวของสื่อซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่เสนอข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา จะด้วยความหวังเพื่อเพิ่มยอดขายหรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะไม่รู้จักก็ตาม พอเห็นลูกกลมๆเกลี้ยงๆก็ทึกทักเอาว่าเป็นระเบิดสังหารลูกเกลี้ยง โดยมองข้ามหลักเหตุไปว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าหน้าที่ถูกจับตามองจากหลายฝ่ายเรื่องการใช้ความรุนแรงอยู่แล้วย่อมต้องระวัง ไม่นำอาวุธสังหารมาใช้เพื่อควบคุมฝูงชนเด็ดขาด เพราะจะเป็นความรุนแรงเข้าทางฝ่ายที่ยั่วยุต้องการให้เกิดอยู่แล้ว
เว้นแต่ความรุนแรงนั้นจะเกิดเองในหมู่ผู้ประท้วง ซึ่งเป็นไปได้ตั้งแต่ขว้างระเบิดใส่กันเองไปจนถึงนำระเบิดมาจะขว้างแล้วพลาด ทำตกพื้นใกล้ๆจนขาขาดหรืออื่นๆที่ท่านอื่นๆตั้งสมมุติฐานไว้แล้ว ซึ่งจะไม่ขอพูดถึงนอกจากเสนอรายละเอียดความแตกต่างไว้ เพื่อให้เข้าใจว่าแก๊ซขว้างนั้นลำพังไม่สามารถตัดแขนขาขาดได้ และโดยสามัญสำนึกแล้วฝ่ายปราบปรามจะไม่ใช้เด็ดขาด ส่วนที่เหลือขอให้ผู้อ่านมติชนทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณเอาเองครับ
การพิสูจน์ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้าไปทดสอบกระสุนและลูกระเบิดขว้างปราบจลาจล หลังเหตุการณ์ 7 ตุลาคม ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า กระสุนและลูกระเบิดขว้าง บางแบบ มีอันตรายมาก ผลทดสอบการยิง พบการลุกไหม้ พบการระเบิด ทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ ภายในระเบิดมีส่วนประกอบของสารระเบิดผสมอยู่จำนวนหนึ่ง แทนที่จะเป็นดินดำ พวกนี้ได้แก่ระเบิดแก๊สน้ำตาที่จัดหาจากประเทศจีน ซึ่งจัดหามาเป็นเวลา 10 กว่าปีแล้ว มีส่วนประกอบสารระเบิดผสมอยู่ และในความเป็นจริง ก็หมดอายุการใช้งานไปนานแล้วด้วย
ตอบลบ