วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปืนเล็กยาว,ปืนกล รางติดอาวุธและHellFighter



อาวุธทหารราบโดยเฉพาะหมู่ปืนเล็กที่สำคัญที่สุดคือปืนเล็กยาว มันชี้บอกสถานภาพของทหารได้หรือจะชี้เป็นชี้ตายก็ยังได้จากการดูแลรักษาและการใช้งาน เพื่อปลูกฝังให้กำลังพลของตนสำนึกในคุณค่าของอาวุธประจำกาย เหล่านาวิกโยธินของสหรัฐฯจึงมีคำขวัญว่า"Without me,my rifle is useless.Without my rifle,i am useless" เพื่อให้ทหารตระหนักในคุณค่าของอาวุธประจำกายและเตือนใจตนเองเสมอว่าทั้งสององค์ประกอบนี้จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้

เทคโนโลยีที่พัฒนาไปทำให้อาวุธต้องเปลี่ยนแปลงตาม จากดินดำกระทุ้งปลายลำกล้องขับหัวกระสุนมาเป็นกระสุนคัดปลอกที่ยิงได้เร็วกว่า,แรงและแม่นยำกว่า จากเหล็กและไม้ขึ้นรูปหยาบๆกลายมาเป็นโลหะอัลลอยและพลาสติกเนื้อดี ดูเหมือนอาวุธประจำกายและหมู่ทหารจะถูกพัฒนามามากแล้วก็จริง แต่จะมีอะไรอีกหรือไม่ที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพให้มันเป็นมากกว่าแค่อาวุธยิงทำลาย ต้องมีอุปกรณ์บางอย่างที่ทนแรงถีบของปืน ทนสภาพแวดล้อมอันไม่ปกติในสภาพการปฏิบัติงานได้ มายึดติดอยู่กับปืนเพื่อให้ทหารหรือเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายยังใช้อุปกรณ์นี้ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนท่าทาง ความคิดนี้ทำให้เกิดอุปกรณ์สำคัญอย่างแรกขึ้นก่อนคือรางติดอุปกรณ์(rail) หรือที่ในวงการทหารสากลเรียกกันอย่างคุ้นเคยว่า"พิคาทินนี เรล"(Picatinny rail)

การประดิษฐ์รางติดอุปกรณ์นี้สำเร็จและบรรจุเข้าประจำการในช่วงสิบกว่าปีที่แล้วนี้ ทำให้ทหารและหน่วยงานรักษากฎหมายมีทางเลือกอันปลอดภัยกว่าเมื่อต้องปฏิบัติงานเสี่ยงภัย จากเดิมในรูปแบบรางเรียบๆเพื่อติดกล้องเล็งขยายของปืนล่าสัตว์ รางติดอุปกรณ์ถูกออกแบบให้เป็นสันบากร่องถี่ยิบเท่าๆกันเพื่อการยึดติดกับเขี้ยวฐานของอุปกรณ์เสริม เช่นขาทราย,กล้องเล็ง,ไฟฉายยุทธวิธี,อุปกรณ์มองกลางคืน(night vision devices),ศูนย์เลเซอร์,เครื่องฉายแสงเลเซอร์ช้ีเป้าและอื่นๆที่เอื้ออำนวยต่อการมองเห็นของทหาร หรือแม้เป็นฐานให้ติดอาวุธหนักเพื่อเพิ่มอำนาจการยิงเช่นเครื่องยิงระเบิดขนาด40..M203

รางติดอุปกรณ์นี้ในปัจจุบันมีเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของปืนเล็กยาว/เล็กสั้นตระกูลM16และM4 เพื่อให้ทหารเลือกประกอบอุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย นอกจากนี้ในปืนพกใช้งานทางยุทธวิธีอย่างเบเรตตาM9ก็มีรางติดอุปกรณ์สั้นๆใต้ลำกล้องให้ประกอบได้ทั้งไฟฉายแรงสูงและศูนย์เลเซอร์ กองทัพสหรัฐฯทุกเหล่ารวมทั้งหน่วยงานรักษากฎหมายต่างใช้อาวุธมาตรฐานประกอบรางติดอุปกรณ์นี้อย่างถ้วนทั่ว จากคุณประโยชน์ของมันคือเลือกติดอุปกรณ์เสริมได้ทุกชนิดในท้องตลาด ถอดและประกอบง่ายเพียงขันสกรู แม้แต่ปืนเล็กยาวM16รุ่นเก่า(A1และA2)มีหูหิ้ว/ศูนย์หลังติดตายตัวก็ยังมีรางทำมาเพื่อขันสกรูติดในส่วนนั้น รางติดอุปกรณ์จึงเป็นนวัตกรรมสำคัญด้านอาวุธเบาเพื่อรองรับการใช้งานยุทธวิธีอย่างแท้จริง

แต่นอกจากรางแล้วอะไรล่ะคืออุปกรณ์เสริมที่ใช้ง่ายและราคาต่ำสุด? คำตอบคือไฟฉายทางยุทธวิธีที่ผมเคยเขียนเล่ารายละเอียดไปเมื่อหลายฉบับก่อน เพราะหลักนิยมในการทำสงครามได้เปลี่ยนมาเป็นการรบในเมืองหรือพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง บางครั้งฝ่ายปราบปรามต้องยกกำลังเข้าตรวจค้นด้วยความรวดเร็วเฉียบพลัน ชิงสร้างความสับสนให้ได้ก่อน ซึ่งจะนำมาสู่การวางอาวุธยอมให้จับกุมหรือสังหารโดยฝ่ายปราบปรามยังปลอดภัย ยุทธวิธีใช้ระเบิดแสงนำทางตามด้วยแสงไฟสว่างจ้าแสบตานั้นสร้างความมึนงงให้เป้าหมายได้ชะงัดทั้งภารกิจทางทหารและพลเรือน การใช้ไฟฉายแรงสูงติดปลายลำกล้องปืนเล็กสั้นอย่างMP5หรือM4ช่วยเจ้าหน้าที่ได้มากเพราะมันสาดแสงไปได้ทุกทิศทางที่วาดลำกล้องไป

เมื่อกล่าวถึงไฟฉายทางยุทธวิธี หากดูกันทีรายละเอียดจะพบว่ามันไม่ได้เป็นแค่ไฟฉายให้เกิดแค่แสงสว่างพอมองเห็นเหมือนไฟฉายบ้าน คุณสมบัติข้อสำคัญที่สุดคือต้องมีกำลังแรงวัดตามหน่วยสากลได้มากกว่า60ลูเมน(หน่วยวัดความเข้มของแสง ซึ่ง60ลูเมนนี้เทียบได้ใกล้เคียงกับไฟซีนอนหน้ารถเก๋ง) ซึ่งหากฉายแสงด้วยความเข็มขนาดนี้เข้าตาตรงๆในระยะตั้งแต่5-20เมตร ตาของเป้าหมายจะพร่าไปได้ตั้งแต่2-5วินาที หากยังจ้องตอบไม่ว่าจะต้องการให้เห็นหรือเพื่อจะยิงตอบโต้ก็ตาม ตาจะพร่ามองไม่เห็นอะไรนอกจากจุดขาวๆได้นานกว่านั้นซึ่งอาจนานถึง20-30วินาที นานพอให้เจ้าหน้าที่บุกเข้ารวบตัวได้ง่าย ถึงจะไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บแต่ไฟฉายแบบนี้อาจถูกจัดเข้าอาวุธเพื่อหยุดยั้ง(non-lethal weapon)ได้ไม่ยาก

คุณสมบัติข้อต่อมาคือต้องมีต้นกำเนิดไฟที่ทนทานต่อการกระทบกระแทก โดยเฉพาะแรงถีบของปืนซึ่งกระทำซ้ำๆซากๆจนหลอดอาจขาดได้ถ้าไม่ได้ออกแบบเพื่อการนี้โดยเฉพาะ จึงเป็นไปไม่ได้เลยหากจะนำไฟฉายกำลังไฟต่ำจากห้างสรรพสินค้ามาใช้งานทางยุทธวิธี ข้อสุดท้ายคือตัวกระบอกต้องสร้างจากวัสดุที่เหนียวทนไม่บุบสลายได้ง่าย ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยก็คงมีแตกต่างกันไปตามสภาพการใช้งานเช่นต้องมีโหมดไฟกระพริบ,มีกระจกกรองแสงหลากสีรวมทั้งกระจกอินฟราเรดเพื่อใช้กับกล้องมองกลางคืน ตามแต่ลำดับชั้นของสินค้าและวัตถุประสงค์ที่สร้างมันขึ้นมาของแต่ละแบรนด์

แต่ไฟฉายทางยุทธวิธีมีแค่เท่าที่ใช้ถือหรือติดรางประกอบอุปกรณ์ปืนเล็กและปืนพกเท่านั้นหรือ? แค่นี้คงไม่พอแน่นอน ถ้ามันมีประโยชน์ได้ขนาดนี้กองทัพและหน่วยงานอื่นๆต้องอยากได้มันในขนาดที่ใหญ่ขึ้น ไฟแรงขึ้น และต้องติดตั้งได้บนอาวุธที่หนักขึ้นด้วยเช่นปืนกลหัวเรือ,ปืนกลหนักประจำยานยนต์หรืออากาศยาน

ตัวอย่างของไฟฉายทางยุทธวิธีขนาดใหญ่ที่เด่นชัดที่สุดและได้รับการยอมรับแพร่หลายที่สุดขณะนี้คือHellFighterจากบริษัทSUREFIRE ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับภารกิจหนักๆโดยเฉพาะ ด้วยกำลังไฟแรง3,000ลูเมน(ประมาณใกล้เคียงไฟหน้ารถยนต์50ดวงรวมกัน)ที่ถูกขยายให้แรงขึ้นจากรุ่นก่อนคือBeastที่แรงด้วยความเข้มม2,000ลูเมน ใครที่เคยสัมผัสกับความสว่างใกล้เคียงกับไฟฉายค้นหาเครื่องบินของBeastแล้วคงนึกออกว่าHellFighterจะแรงได้ขนาดไหน

HellFighterถือกำเนิดขึ้นจากความต้องการของกองทัพบกสหรัฐฯในสงครามอ่าวครั้งล่าสุดนี้ ที่ต้องการอุปกรณ์เพื่อพิสูจน์ทราบแต่ในขณะเดียวกันยังต้องการหยุดยั้งกิจกรรมของเป้าหมายให้ได้ก่อนด้วย ด้วยกำลังไฟสว่างจ้าดั่งดวงอาทิตย์ที่จะทำให้ตาแทบบอดได้หากจ้องตรงๆ ไฟฉายทางยุทธวิธีขนาดหนักจึงเป็นที่ต้องการ ด้วยข้อดีของมันคือแทรกแซงกิจกรรมของเป้าหมายและช่วยให้ผู้ใช้งานมันได้ปลอดภัย การใช้ไฟฉายกำลังแรงติดปืนกลประจำรถ,เรือคือM2ขนาดแคลิเบอร์.50หรือปืนกลหนักแบบแกตลิ่ง(Gatling)ประจำเฮลิคอปเตอร์นี้ หากพิจารณาเพียงผ่านๆจะเหมือนกับเปิดเผยตำแหน่งของผู้ใช้มันกับข้าศึกซึ่งเป็นความคิดที่ไม่ผิด แต่เมื่อคำนึงถึงความสว่างจ้าขนาด3,000ลูเมนแล้วหากใช้เฉพาะจุดเพื่อพิสูจน์ทราบ เป้าหมายจะไม่สามารถตอบโต้ได้เลยเพราะเพียงยื่นมือออกมาก็จะถูกยิงกระจุยด้วยปืนกลร่วมแกนเสียแล้ว นอกจากลำแสงที่พุ่งตรงปะทะเฉพาะจุดแล้วบริเวณรอบๆยังสว่างพอให้เห็นได้ด้วยว่ามีอะไรอื่นแปลกปลอมวางตัวอยู่หรือไม่

ลำพังกำลังแรงของไฟฉายยังไม่ใช่ความโดดเด่นอันแตกต่าง ความแตกต่างอันนำมาซึ่งความไว้วางใจคือความทนทานต่อแรงถีบหนักหน่วงของปืนกลหนักM2 อันเกิดจากกระสุนขนาด.50 การออกแบบอันชาญฉลาดของทีมวิศวกรSUREFIREทำให้ได้ตัวลดแรงสั่นสะเทือนที่สามารถประกอบเข้ากับปืนและไฟฉายได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ คือแผ่นยูรีเธนพิเศษเพื่อไฟฉายนี้โดยเฉพาะไว้เป็นฉนวนกั้นระหว่างโลหะของปืนและกระบอกไฟฉายไม่ให้กระทบกัน เพียงแต่มีพื้นผิววัสดุเรียบๆและมั่นคงเท่านั้นแม้แต่ทหารที่ไม่ได้รับการฝึกฝนเฉพาะก็ยังประกอบไฟฉายนี้กับปืนได้ ไม่ว่าจะยิงต่อเนื่องกี่ร้อยกี่พันนัดHellFighterก็ยังทำงานได้ดีเป็นปกติ เหตุผลที่หลอดแสงสว่างของมันยังใช้งานได้ดีแม้ถูกกระแทกกระทั้นก็คือมีต้นกำเนิดแสงแบบดิสชาร์จ(discharge) ที่ให้พลังงานสูงแบบHID(High Intensity Discharge) ที่จะสร้างแสงด้วยการทำให้ก๊าซตัวนำไฟฟ้าร้อน(พลาสมา) ด้วยความร้อนมหาศาลนี้เองที่ก่อเกิดแสงสว่างจากการไอโอไนซ์ของก๊าซ พอสว่างได้เพราะก๊าซร้อนก็ไม่จำเป็นต้องมีขดลวดซึ่งมีโอกาสสูงมากที่จะขาดจนไฟดับจากแรงอัดของปืน

ทั้งที่ให้กำลังไฟสูงมหาศาลได้ขนาดนี้แต่น่าแปลกที่HellFighterกลับใช้พลังงานจากแหล่งที่ธรรมดามาก คือแบตเตอรี่รถยนต์ปกติขนาด12โวลต์ หรือแบตเตอรี่ลิเธียมของกองทัพแบบ5590ที่หากต้องการความอุ่นใจก็สามารถเตรียมคอยไว้ได้อีกลูก กับอีกวิธีที่ง่ายกว่านั้นอีกคือการเสียบปลั๊กกับที่จุดบุหรี่ในห้องโดยสารเหมือนไฟฉายปกติ

ทุกวันนี้HellFighterยังถูกใช้งานเป็นอุปกรณ์มาตรฐานประจำกองทัพสหรัฐฯทั้งในอิรักและอาฟกานิสถาน ในรูปแบบของไฟฉายค้นหาเป้าทั้งในภารกิจลาดตระเวนและเพื่อให้แสงสว่างตามปกติ ข้อดีที่แฝงอยู่นอกจากเพื่อแทรกแซงกิจกรรมของข้าศึกและค้นหาตำแหน่งก็คือทหารสามารถประหยัดกระสุนไปได้มาก เมื่อฉายถูกเป้าแล้วเกิดผลทางจิตวิทยาจนต้องหยุดกิจกรรมไม่ต้องปะทะให้บาดเจ็บล้มตาย แสงจ้าขนาด3,000ลูเมนนี้ทำให้ดวงตามืดเอาได้ง่ายๆถ้าบังเอิญไปจ้องมันตรงๆ ความจริงข้อนี้ได้รับการยืนยันแล้วโดยร้อยเอกไมเคิล เทย์เลอร์แห่งหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ ผู้มีประสบการณ์ตรงกับHellFighterในอิรักแล้วอี-เมลกลับมายังบริษัทSUREFIRE แจ้งว่าHellFighterทั้ง16กระบอกในกองร้อยของเขาได้ช่วยสงวนไว้ทั้งชีวิตกำลังพลและกระสุนได้มาก ทำให้ข้าศึกยอมมอบตัวได้โดยไม่ต้องยิง"มีหลายครั้งที่แสงสว่างของมันส่องตัดความมืดมาช่วยให้เราเห็นข้าศึกได้ชัด มันแรงจนตะลึง แต่ก็มีบางครั้งที่ไม่เปิดเผยตำแหน่งของฝ่ายเราเองด้วยการใช้ประกอบกระจกกรองแสงอินฟราเรดคู่กับอุปกรณ์มองกลางคืน" หลักฐานด้านความอึดและทรงคุณประโยชน์ของไฟฉายติดปืนอย่างHellFighter ปรากฎอยู่มากมายในอี-เมลของทหารสหรัฐฯที่ส่งกลับมายังบริษัทเจ้าของผลิตภัณฑ์ นอกจากจะแรงแล้วยังทนด้วย ตามที่เทย์เลอร์เคยอ้างไว้ในอี-เมลฉบับหนึ่งว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่รถฮัมวีในกองร้อยของเขาถูกถล่มด้วยระเบิดแสวงเครื่องจนแหลกไปทั้งคนทั้งรถ แต่HellFighterไหม้เกรียมกระเด็นจากจุดเกิดเหตุห่างไปนับสิบเมตรยังใช้งานได้เหมือนไหม่

ผมหยิบยกเรื่องรางติดอุปกรณ์และไฟฉายทางยุทธวิธีมาเล่า เพราะปัจจุบันหลักคิดทั้งในด้านการป้องกันประเทศและรักษากฎหมายได้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะในระดับยุทธวิธี กองทัพควรปรับตัวตามถึงแม้จะจัดหามาใช้ไม่ได้ก็ควรรับรู้ความเคลื่อนไหว เมื่อมีสื่อให้สืบค้นได้ทั้งหนังสือและอินเตอร์เน็ตผู้จัดหาอุปกรณ์ควรศึกษาหาข้อมูลที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ให้พิสูจน์ได้ มีหน่วยงานที่เชื่อถือได้รับรองไม่ใช่สักแต่เชื่อตามที่ผู้ผลิตกล่าวอ้างทั้งที่พิสูจน์อะไรไม่ได้เลย ถ้าจะแพงก็ควรแพงอย่างมีเหตุผลไม่ใช่แพงเพราะความเชื่อทางไสยศาสตร์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น