วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552

นั่งL39ไปดูการฝึกใช้อาวุธ!(2)





กำลังทางอากาศของทุกชาติมีไว้เพื่อปกป้องอธิปไตยเป็นหน้าที่หลักนั้นแน่อยู่แล้ว นักบินคือคนที่จะนำอากาศยานแต่ละแบบออกปฏิบัติการ พวกเขาคือคนพวกแรกๆที่จะบุกทะลวงลึกเข้าไปในแดนของข้าศึกหากเกิดความขัดแย้ง จะเข้าสู้รบและรอดกลับมาได้ก็ต้องบินให้เก่ง การฝึกนักบินแต่ละคนจนกว่าจะเป็นนักบินพร้อมรบนั้นกองทัพต้องใช้งบประมาณหลายล้านบาท เพราะเครื่องบินแต่ละเครื่องเป็นของแพงใช้น้ำมันก็มากมหาศาล และเพราะนักบินต้องใช้เวลาฝึกกับมันให้คล่องอย่างยาวนานกว่าจะออกรบแล้วรอดกลับมาได้ เครื่องบินรบทุกแบบจึงต้องบินทุกวันเพื่อฝึกให้นักบินคุ้นเคย ให้เขาควบคุมมันได้เหมือนเป็นมือเท้าของตัวเอง ผู้อยู่ไกลจากฐานทัพอากาศจะไม่เข้าใจ นึกไม่ออกว่ารัฐบาลจ่ายเงินตั้งแพงเพื่อซื้อเครื่องบินรบเสียงดังๆมาทำอะไรกัน แต่ถ้าลองมายืนอยู่ใกล้ฐานทัพดูสักแค่ชั่วโมงเดียวก็จะทราบทันทีว่ามีเครื่องบินวิ่งขึ้น,ลงทุกนาทีและทั้งวัน ถ้าจะตั้งคำถามกันว่านักบินทหารเอาเครื่องบินไปไหน? ผมตอบได้ว่าเอาไปฝึกบิน เพราะวันนี้ผมจะไปฝึกบินกับเขาด้วย ในภารกิจฝึกใช้อาวุธ!

ถ้าคิดกันแบบภาพยนตร์ฮอลลีวูดว่านักบินรบเป็นคนพันธุ์เท่ บอกได้เลยว่าผิดถนัด เพราะในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น พวกเขาต้องพักผ่อนให้พอ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในคืนก่อนออกบิน ในวันบินต้องตื่นแต่เช้าและทำธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อน8โมงซึ่งเป็นเวลาเริ่มต้นของบรรยายสรุปรวม อันเป็นการบรรยายสรุปสภาพทั่วไปของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง มีทั้งสภาพอากาศที่สนามบินของฝูงกับสภาพอากาศในสนามฝึกใช้อาวุุธที่อยู่ห่างออกไปอีก90กว่าก.. บรรยายสภาพอากาศที่สนามบินอีกสองแห่งที่นักบินจะใช้ลงหากนำเครื่องกลับบ้านไม่ได้ หัวหน้าส่วนปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการบินจะผลัดกันขึ้นมาบรรยายหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองบนแท่นพูด หน้าห้องบรรยายประกอบเพาเวอร์พอยท์ที่ฉายขึ้นจอด้วยเครื่องโปรเจคเตอร์

ในวันที่ผมจะขึ้นบินด้วยนี้ทุกอย่างเป็นไปตามปกติเช่นที่เคยปฏิบัติมา แต่สิ่งที่เรียกร้องความสนใจผมมากกว่าอื่นใดคืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเครื่องบินL39สองเครื่องที่บินมาเมื่อวาน เมื่อผู้บรรยายได้ฉายภาพแพนหางตั้งของเครื่องบินลำนั้นที่แผ่นอลูมินัมฉีกออกและจอดรอการซ่อมแซม ว่าเกิดจากนกบินชน(หรือบินชนนก) จะเป็นนกชนิดไหนไม่ทราบแต่ด้วยความเร็วและมวลของมันผนวกกับความเร็วของเครื่องบินที่กดได้400-500../.. เพียงเนื้อและกระดูกของนกตัวเท่าไก่แจ้ก็สามารถทำความเสียหายให้เครื่องบินสร้างจากอลูมินัมเกรดสูงแข็งๆได้แล้ว

L39อีกเครื่องก็พบชะตากรรมไม่แพ้เครื่องแรก เมื่อภาพแสดงให้เห็นว่าชายหน้าปีกซ้ายย่นเป็นลูกคลื่นเหมือนถูกฆ้อนทุบ ซึ่งต้นเหตุก็คือนกอีกเหมือนกัน ทั้ง2เครื่องถูกส่งเข้าโรงซ่อมซึ่งจะใช้เวลาเท่าไรผมไม่ได้ถาม แต่ที่แน่ๆคือเครื่องบินอาจขึ้นบินได้ไม่ครบฝูงไปอีกพักใหญ่ๆ อุบัติเหตุนกชนถึงแผ่นโลหะฉีกนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกในเมื่อกองบิน4ยังมีพื้นที่เป็นป่าอยู่มาก เป็นที่อยู่อันชุกชุมของนกขนาดกลางค่อนข้างใหญ่เช่นนกปากห่าง การบินชนเครื่องบินเป็นครั้งคราวจึงเกิดขึ้นได้ ตราบใดที่เครื่องบินความเร็วสูงบินอยู่ในเขตนกชุกชุม

ไม่แปลกเช่นกันหากแผ่นโลหะแข็งๆฉีกขาด โลหะแข็งๆเมื่อพุ่งชนวัตถุอ่อนนุ่มที่ความเร็วสูงนั้นความเร็วบวกกับน้ำหนักของตัวมันเองและวัตถุที่พุ่งชน ย่อมทำให้ของอ่อนๆกลายเป็นแข็งขึ้นมาได้ ยิ่งเร็วก็ยิ่งแข็ง ใครที่เคยกระโดดน้ำเอาหน้าฟาดลงจะเข้าใจดีว่าทั้งตัวจะรู้สึกเหมือนกับถูกอัดด้วยผนังไม้ชัดๆ

มีอุบัติเหตุมากมายทั้งกับเครื่องบินโดยสารและเครื่องบินรบที่เกิดจากการชนนก บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินชั้นนำเช่นโบอิ้งยังเคยทำถึงกับทดลองใช้ปืนลมยิงซากไก่ใส่กังหันเทอร์บีนของเครื่องยนต์เจ็ตที่ออกแบบใหม่ เพื่อดูปฏิกิริยาของเครื่องยนต์เมื่อบินชนนก จะได้นำข้อมูลไปออกแบบเครื่องยนต์ให้ทนได้ต่ออุบัติเหตุประเภทนี้ ผมคิดเลยเถิดไปถึงJAS39กริปเปน6ลำที่กำลังจะมา ถ้ามันมาได้แค่6ลำจริงและใช้งานอยู่แค่นั้น เกิดอุบัติเหตุทำนองนี้ครั้งหนึ่งถึงเครื่องบินไม่ตกเราก็แทบจะไม่มีเครื่องบินใช้แล้ว

ข้อมูลจากการบรรยายสรุปรวมทำให้ผมเข้าใจว่าเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกไม่ได้มีแค่ใช้เครื่องบินเก่าอย่างเดียว เครื่องบินใหม่ๆถ้าเจอนกบินเข้าเครื่องแบบถูกเวลาและถูกมุมด้วยก็ร่วงได้เหมือนกัน จะเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินและนักบินL39ทั้งคู่ถ้านกมันเกิดเกิดเปลี่ยนใจบินเข้าท่อดูดอากาศเข้าเครื่องแทน ไม่ต้องเดาก็ฟันธงได้ว่าวันรุ่งขึ้นหนังสือพิมพ์คงเสนอข่าวกันเป็นที่เอิกเกริกว่า"เครืื่องบินท..ตกซ้ำซาก คาดทนใช้เครื่องบินเก่า" แล้วคนอ่านก็ไม่ต้องอ่านเนื้อในเพราะถูกชี้นำไว้เสียแล้ว เขาคงจะพลิกไปอ่านข่าวบันเทิงเพื่อดูว่าดาราคู่ไหนมีกิ๊กหรือเลิกกัน พร้อมกับความเชื่อฝังหัวว่าเครื่องบินเก่า,นักบินไม่เก่ง,เครื่องยนต์ขาดการดูแล ทั้งที่ความจริงคือมันถูกนกบินชน!

อย่าได้ประมาทอำนาจพลังการดูดของเครื่องยนต์เจ็ตเป็นอันขาด เครื่องยนต์ของF16สามารถดูดเหรียญบาทเข้าเครื่องได้ขณะติดเครื่องจอดนิ่งๆ เครื่องยนต์F15ดูดก้อนหินขนาดเท่าไข่ไก่เข้าเครื่องได้ทั้งที่กำลังบินเรี่ยพื้น!

จบการบรรยายสรุปรวมแล้วใช่ว่าจะบินได้เลย หมู่บินที่จะฝึกในช่วงแรกต้องแยกตัวไปเข้าฟังบรรยายสรุปในห้องบรรยายสรุปแยกอีก โดยจะมีผู้ร่วมการบรรยายคือผู้บังคับฝูงและนักบินทุกนายที่จะบินในรอบนั้น การบรรยายช่วงนี้เป็นการกล่าวให้แคบลงมาอีกโดยเน้นรายละเอียดของภารกิจ สภาพอากาศ อาวุธ รูปแบบยุทธวิธี วิเคราะห์แผนที่ สิ่งสำคัญคือเวลาที่เที่ยงตรง โดยหัวหน้าหมู่บินคือหมายเลข1ของรอบนี้จะสั่งให้ตั้งเวลา เมื่อสิ้นเสียงขานเวลาทุกคนในห้องต่างหมุนหรือกดปุ่มนาฬิกาของตนให้ตรงกันเป็นเวลาเดียว

ในการฝึกใช้อาวุธของL39ครั้งนี้หมู่บิน2หมู่ หมู่ละ4ของฝูงบิน401จะใช้รูปแบบการฝึกตามศัพท์ทางทหารในภาษาไทยว่า"กระสวนการฝึกใช้อาวุธขั้นมูลฐาน" หรือที่เรียกทับศัพท์ไปว่าBasic Box Pattern อันเป็นการฝึกโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินขั้นพื้นฐาน นักบินขับไล่และโจมตีทุกนายต้องผ่านการฝึกรูปแบบนี้ก่อนจะก้าวขึ้นไปฝึกในขั้นสูงกว่า เพื่อสำเร็จเป็นนักบินพร้อมรบต่อไป

เบสิก บ็อกซ์ แพทเทิร์นน้ีอธิบายง่ายๆได้ว่าเป็นรูปแบบการโจมตีเป้าภาคพื้นดินที่ง่ายที่สุด ใช้เฉพาะการฝึกใช้อาวุธด้วยอาวุธซ้อม คือนักบินจะบินเรียงหน้ากันเข้าถล่มเป้าด้วยอาวุธฝึกที่มีดินระเบิดน้อยพอเป็นควันให้เห็นว่าถูกเป้าเท่านั้น บังคับเครื่องนิ่งๆ บินทื่อๆเข้าหาเป้า วางศูนย์ทาบแล้วกดปุ่มปล่อยอาวุธได้เลยก่อนจะดึงเครื่องขึ้น เมื่อหมดคิวของอาวุธชนิดหนึ่งก็จะกลับมาใช้อาวุธอีกชนิดจนหมดจึงถือว่าเสร็จสิ้นภารกิจ ที่เรียกว่าบ็อกซ์ แพทเทิร์นก็เพราะเส้นทางการบินในเขตใช้อาวุธถูกกำหนดไว้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า

ถ้าจับสี่เหลี่ยมนี้ตั้งขึ้นให้ด้านแคบอยู่บนและล่าง ด้านกว้างอยู่ซ้ายและขวา นักบินจะเข้าหาเป้าเป็นเส้นตรงตั้งแต่มุมล่างด้านซ้ายของสี่เหลี่ยม ได้ระยะแล้วจะใช้อาวุธตรงเป้าตรงมุมบนเดียวกัน ก่อนจะหักเลี้ยวอีกสองมุมตามเข็มนาฬิกากลับมาหาเป้าหมายใหม่ใกล้เคียงกันแต่ด้วยอาวุธต่างออกไปจนกว่าจะครบหมู่บิน จะมีเจ้าหน้าที่วัดผลอยู่ในสนามฝึกนั้นเพื่อบอกนักบินว่าทิ้งถูกหรือใกล้/ไกลแค่ไหนพร้อมให้คะแนน

นอกจากฝึกใช้อาวุธด้วยรูปแบบบินบ็อกซ์ แพทเทิร์นแล้ว หมู่บินทั้งสองยังต้องฝึกบินแบบยุทธวิธีด้วยการบินต่ำเร่ียยอดไม้ก่อนจะเชิดหัวขึ้นแล้วทิ้งระเบิดก่อนจะบินกลับฐาน ตามศัพท์ทหารเรียกว่าการบิน"โลว์ แนฟ"(Low Navigation)ที่นักบินชอบเรียกกันง่ายๆว่า"ทำโลว์"หรือ”บินโลว์"หรืออื่นๆที่ทราบกันเฉพาะในกลุ่ม กล่าวคือเมื่อทราบจากข่าวกรองและภาพถ่ายทางอากาศว่าบริเวณพื้นที่ปฏิบัติการมีการต่อต้านหนาแน่น มาตรการเพื่อความปลอดภัยคือบินต่ำเข้าไว้เพื่อหลบสัญญาณเรดาร์ของข้าศึก ที่มักตั้งบนยอดเขาสูงและกวาดขึ้นข้างบน เมื่อมาถึงพิกัดที่กำหนดก่อนถึงเป้าจึงเชิดหัวขึ้นแสดงตัวอย่างรวดเร็ว นักบินมีเวลากดปุ่มปล่อยอาวุธหรือขีปนาวุธเพียงไม่กี่วินาทีก่อนเร่งเครื่องบินกลับฐานโดยไม่ต้องดูผลงาน

เพราะเวลาทำงานจริงมีไม่กี่วินาทีเพื่อชี้เป็นชี้ตายนี้เอง นักบินจึงต้องฝึกหนัก เพื่อเวลาบินรบจริงๆจะได้ไม่พลาด ผมเคยได้ยินมานานว่านักบินต้องฝึกกันเป็นเดือนเป็นปีแต่ทำงานจริงเพียงไม่กี่วินาที ได้เข้าใจแจ่มแจ้งก็ตอนที่มาสังเกตการณ์ในครั้งนี้เอง

การจะบินเข้าหาแล้วใช้อาวุธให้ได้ผลในสมัยนี้นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ระเบิดแต่ละลูกทั้งแบบโง่และฉลาดรวมขีปนาวุธกับกระสุนไม่ใช่ชิ้นละบาทสองบาท อย่างถูกสุดก็หลายหมื่น แพงสุดก็เป็นสิบหรือร้อยล้าน การใช้มันให้ได้ผลเต็มร้อยยิงไปลูกเดียวแล้วหวังผลได้เลยต้องคำนวณให้แม่น นักบินโจมตี/ขับไล่จึงต้องคำนวณได้แม่นยำตามหลักวิชาคณิตศาสตร์และตรีโกณมิติ เขาต้องวางแผนให้แม่นก่อนบิน ต้องรู้เส้นทางเข้าและออกจากพื้นที่ ต้องรู้ว่าบินด้วยความเร็วแค่ไหน สูงแค่ไหนและทิ้งระเบิดเป็นมุมเท่าไรจึงจะถูกเป้าและปลอดภัยแก่ตัวเอง ต้องทราบขีดความสามารถของระเบิดว่าเมื่อแตกออกแล้วจะส่งสะเก็ดลอยขึ้นสูงขนาดไหน เพื่อจะได้ไม่ปักหัวลงต่ำเกินไปจนโดนสะเก็ดระเบิดตัวเองตาย เมื่อปักหัวลงมาแล้วจะกระชากเครื่องเงยขึ้นด้วยแรงเหวี่ยงกี่จีจึงจะออกจากตรงนั้นได้ปลอดภัย ไหนจะมีเรื่องมุม เรื่องความเร็วและน้ำมันเชื้อเพลิงให้คิด จบภารกิจแล้วบินได้อีกนานเท่าไรถึงจะเหลือน้ำมันพอกลับฐาน ฯลฯ

และทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัยก็เนื่องมาจากการฝึก และฝึกจนชำนาญเท่านั้น แม้จะไม่ได้ออกรบเลยแต่นักบินก็มีหลักประกันให้มั่นใจได้ว่าหากเกิดเหตุขึ้นครั้งใดพวกเขาต้องมีโอกาสรอด เครื่องบินทุกแบบที่ถูกซ้ื้อมาโดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นL39,F16,Alpha Jet หรืออื่นๆของกองทัพต่างต้องถูกนำขึ้นบินฝึกทุกวันตามหน้าที่อยู่แล้ว ความจริงข้อหนึ่งคือถ้าไม่ฝึกแต่จอดไว้เฉยๆนอกจากนักบินจะไม่เก่งแล้วตัวเครื่องเองก็ยังจะผุพังเร็วกว่าบินทุกวันเสียอีก และนี่คือเหตุที่นักบินต้องบิน เขาไม่ได้เอาเครื่องบินขึ้นไปสนุกแล้วกลับมาร่อนลงด้วยมาดเท่ๆเหมือนพระเอกหนัง แม้จะนั่งอยู่ในค็อกพิทเฉยๆแต่ความเครียดและแรงจีที่กระทำต่อร่างกายทำให้แต่ละคนรู้สึกเหมือนวิ่งรอบสนามบาสเก็ตบอลสักคนละ10รอบ ฟังดูแปลกแต่ก็จริง ยิ่งถ้าได้มาสัมผัสเองจะยิ่งเข้าใจ

หลังจากจบการบรรยายสรุปแยกเฉพาะหมู่บินแล้ว นักบินต่างแยกย้ายเข้าห้องแต่งตัว พร้อมขึ้นบินฝึกใช้อาวุธทางอากาศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น