วันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กองทัพเรือไทยกับเรือดำน้ำ(2)



ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วในบทความตอนแรกว่ากึนเธอร์ พรีนใช้เรืออู-47บุกถล่มเรือหลวงรอยัลโอ๊คของอังกฤษถึงในท่าที่ระดับลึกเกือบ60เมตร เมื่อพิจารณามิติเฉพาะความสูงของเรือดำน้ำขนาดเล็กอย่างอู-47แล้วจะพบว่าเหลือเฟือ และที่ความลึกเพียง60เมตรในขณะนั้นก็ถือว่าใกล้เคียงกับความลึกของอ่าวไทยในปัจจุบันซึ่งลึกเฉลี่ย40-50เมตร ลึกที่สุดคือ70เมตร ความจริงที่คนทั่วไปยังไม่ตระหนักก็คือเรือดำน้ำขนาดเล็กอย่างไทพ์206เอที่เรากำลังจัดหาอยู่นั้นมันถูกออกแบบให้ดำน้ำตื้น ทุกครั้งที่พูดถึง"เรือดำน้ำ"เราจะนึกถึงเรือดำน้ำนิวเคลียร์ชั้นลอส แอนเจลิสของสหรัฐฯเสมอไปซึ่งเป็นเรือดำน้ำติดอาวุธทางยุทธศาสตร์...ยุทธศาสตร์ของเขาซึ่งเป็นยุทธศาสตร์เชิงรุก แต่หลังจากเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่2และถูกจำกัดกำลังรบด้วยสนธิสัญญาต่างๆเพื่อสันติภาพรวมทั้งรวมตัวกับชาติยุโรปเป็นนาโต เรือดำน้ำช่วงหลังสงครามจึงเน้นที่น้ำตื้นตามยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศ เช่นเดียวกับไทย ด้วยความลึกระดับอ่าวไทยซึ่งลึกพอกับทะเลบอลติก เราจึงใช้เรือดำน้ำได้สบายๆและเคยใช้มาแล้วจนปลดประจำการไปเมื่อหกสิบปีก่อน

ตัดปัญหาเรื่องความลึกของอ่าวไทยไปได้แล้วเหลืออะไรอีก? ใช้เรือผิวน้ำได้ไหม?แล้วเครื่องบินปราบเรือดำน้ำล่ะ? ข้อมูลทางเทคนิคก็คือการจะมองจากเครื่องบินลงมาให้เห็นเรือดำน้ำนั้นมันต้องอยู่ใต้ผิวน้ำตื้นกว่า16เมตร และด้วยเนื้อที่320,000ตารางกิโลเมตรล่ะจะต้องใช้เครื่องบินกี่ลำเพื่อตามหาเรือดำน้ำแค่ลำเดียว หรืออย่างมากสุดก็4ลำ? คำตอบคือแม้จะตื้นกว่า16เมตรก็ยังแทบมองไม่เห็นแล้วในตอนกลางวัน ถ้าเป็นกลางคืนล่ะจะยากลำบากแค่ไหน โดยเฉพาะเรือดำน้ำขนาดเล็กแบบที่เพื่อนบ้านเราใช้ ตามมาตรฐานนั้นต้องใช้เครื่องบิน2ลำและเรือผิวน้ำอีก2ลำถึงจะตามเรือดำน้ำได้1ลำ ถ้ามันมามากกว่านั้นก็เอาอย่างละสองนี่แหละคูณเข้าไป และจะยากมากในทะเลเปิดอันกว้างใหญ่ไพศาล

ถึงเทคโนโลยีของโซนาร์ซึ่งเป็นตัวตรวจจับ(เซนเซอร์)ในปัจจุบันจะก้าวไปไกลมาก แต่ของที่เราใช้อยู่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับ"โอเค"เท่านั้น ซ้ำตัวเรือดำน้ำเองยังมีระบบเก็บเสียงที่ดี มีเสียงสภาพแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งอุณหภูมิและความเค็มของน้ำทะเลซึ่งจะมาเบี่ยงเบนหรือลดขีดความสามารถของเซ็นเซอร์จากเรือและเครื่องบินอีก เวลาส่วนใหญ่80เปอร์เซ็นต์จึงหมดไปกับการออกตระเวนค้นหาอย่างแทบสิ้นหวังกว่าจะเจอ แล้วก็ใช่ว่าจะเจอกันทุกครั้งที่ออกตามหา มิฉะนั้นพรีนคงไม่เอาเรืออูบุกเข้าถล่มเรืออังกฤษได้ถึงท่าทั้งที่มีมาตรการระวังป้องกันเพียบหลังประกาศสงครามกับเยอรมัน

เมื่อเซ็นเซอร์ที่ผิวน้ำมีข้อจำกัดมาก เซ็นเซอร์ที่วางตัวลึกลงไปในน้ำเลยจึงมีข้อจำกัดน้อยกว่า การใช้อาวุธทำลายเรือดำน้ำนั้นไม่ยุ่งยาก คิดง่ายๆคือหาให้เจอแล้วก็ยิงเสียให้จม แต่ขั้นตอนที่ยากก็คือการค้นหานี่เองซึ่งเมื่อเทียบกันตัวต่อตัวแล้วเซ็นเซอร์ของเรือดำน้ำเหนือกว่าเรือผิวน้ำอยู่หลายขุม วัดกันตัวต่อตัวแล้วจะพบว่าเรือดำน้ำเป็นต่อเรือผิวน้ำถึง3ต่อ1ด้วยเซ็นเซอร์ดักจับคลื่นเสียงได้ไกลกว่าเรือผิวน้ำถึงสามเท่า

ขณะที่เรือดำน้ำสามารถกวาดวงดักฟังเสียงและความเคลื่อนไหวได้ไกลเป็นร้อยกิโลเมตร เรือผิวน้ำกลับทำอย่างเดียวกันได้ใกล้แค่ไม่กี่สิบกิโลเมตร เรือผิวน้ำอาจจะตรวจพบเรือดำน้ำก็จริงแต่ตัวมันเองล่ะโดนเรือดำน้ำแล่นตามมาเงียบๆนานแค่ไหนแล้ว? แค่คิดก็ขนลุก ที่สำคัญคือด้วยความจำกัดของเซ็นเซอร์บนเรือผิวน้ำนั่นเองที่ทำให้ไม่รู้จะไปเริ่มควานหาเรือดำน้ำกันตรงไหนในเมื่ออ่าวไทยใหญ่โตขนาดนั้น ใช้เรือดำน้ำเหมือนกันไปตามล่าเสียยังจะลดข้อเสียเปรียบได้มากกว่า ในการสงครามที่ต้องช่วงชิงความได้เปรียบ ต้องแทรกแซงวงรอบการตัดสินใจ(OODA loop)ของฝ่ายตรงข้ามให้ได้แล้วชิงใช้อาวุธก่อนนั้น เรือดำน้ำจึงได้เปรียบเรือผิวน้ำทุกประตู เมื่อเอาการตรวจจับ(Observe)ได้ก่อนเป็นที่ตั้ง การปรับตัว(Orientation),ตัดสินใจ(Decide)และใช้อาวุธ(Act)จะตามมาอย่างรวดเร็ว กว่าเรือผิวน้ำจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรทอร์ปิโดก็วิ่งเข้าหาแล้ว

เพราะความเท่าเทียมกันในด้านการตรวจจับนี่เอง ที่เราอาจพูดได้ว่าไม่มีอาวุธใดใช้ปราบเรือดำน้ำได้ดีเท่าเรือดำน้ำด้วยกัน แม้แต่กองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯซึ่งมีสุดยอดเทคโนโลยีใช้แล้วยังต้องมีเรือดำน้ำคุ้มกัน กระนั้นก็ยังไม่รอดพ้นจากเรือดำน้ำสวีเดนในการซ้อมรบของนาโต ที่ไปโผล่ขึ้นกลางกองเรือสหรัฐฯแบบทำเอาเสียหน้า ต้องซื้อเรือดำน้ำสวีเดนชั้นนั้นกลับไปใช้ปรับยุทธวิธีกันอย่างเดียว

คุณประโยชน์ของเรือดำน้ำทางยุทธวิธี นอกจากเรื่องการกวาดจับความเคลื่อนไหวได้ไกลแล้วก็ยังมีเรื่องของการทวีกำลังรบ(force multiply)เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เมื่อคำจำกัดความของคำว่า"ทวีกำลังรบ"ข้อหนึ่งคือการทำให้กำลังน้อยเสมือนมีกำลังมาก เรือดำน้ำจึงตอบโจทย์ข้อนี้ได้เมื่อจอดมันกลางแจ้งให้เห็นเสียเลยในท่าที่ใครๆก็ดูได้จากภาพถ่ายดาวเทียม แต่ตอนมันหายไปจากท่านี่สิมันจะไปอยู่ตรงไหนไม่มีใครรู้ เมื่อไม่รู้ก็ไม่กล้าส่งเรือตัวเองออกจากท่าเพราะไม่รู้ว่าจะโดนทอร์ปิโดเข้าไปเมื่อไร ตรงนี้เองที่จะทำให้ดุลแห่งอำนาจการป้องกันเปลี่ยน เราจะพลิกสถานการณ์จากเบี้ยล่างมาเป็นเหนือกว่าหรือเท่าเทียมกันได้ด้วยเรือดำน้ำจริงๆ และเคยทำได้แล้วในสงครามอินโดจีน เมื่อครั้งส่งเรือดำน้ำทั้งสี่ลำไปลาดระเวนหน้าฐานทัพเรือเสียมเรียบของฝรั่งเศส เพียงรู้ระแคะระคายว่าเรือดำน้ำไทยไม่อยู่ในท่าเรือผิวน้ำของฝรั่งเศสก็ไม่กล้าถอนสมอแล้ว ชาติยุโรปซาบซึ้งดีกับเรืออูเยอรมันในสงครามโลกทั้งสองครั้งโดยเฉพาะฝรั่งเศส เมื่อรู้ว่าคู่สงครามมีเรือแบบเดียวกับเรืออูทางเลือกเดียวคือ"อย่าเสี่ยง" ทั้งที่กองทัพเรือของเราด้อยกว่าแต่ด้วยเรือดำน้ำจำนวนหนึ่งที่เป็นตัวทวีกำลังรบ เราก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นต่อได้

ในการเมืองระหว่างประเทศ การจะพูดจาให้ใครฟังได้ดังๆนั้นตะพดของเราต้องใหญ่กว่าหรืออย่างน้อยก็ต้องเท่าเทียมกัน ลองคิดดูง่ายๆกับกรณีเขาพระวิหารว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรถ้ากองทัพบกของเราไม่เข้มแข็ง เป็นเช่นนั้นสถานการณ์ระหว่างเรากับเขมรคงกลับกัน และหากเป็นเช่นนั้นประชาชนก็จะเสื่อมศรัทธาในกองทัพและรัฐบาล ลงท้ายกองทัพก็ตกเป็นจำเลยอีกด้วยข้อหาว่าไม่เข้มแข็งไร้น้ำยา ไม่จัดหาอาวุธไว้ป้องกันการล่วงล้ำอธิปไตย

ปัจจุบันกองทัพเรือไทยต้องรับภาระหนักไม่แตกต่างจากเหล่าทัพอื่น ทั้งด้านการป้องกันประเทศและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ พูดถึงประโยชน์หลักๆก็คือการปราบเรือดำน้ำ ใช้ได้ทั้งไล่ล่าทำลายเรือดำน้ำฝ่ายตรงข้ามและเพื่อคุ้มกันกองเรือผิวน้ำที่มีคุณค่าทางยุทธการสูงเช่นกองเรือบรรทุกเครื่องบิน(เรือหลวงจักรีนฤเบศ) ใช้ต่อต้านเรือผิวน้ำได้จากขีดความสามารถด้านการตรวจจับที่กล่าวไปแล้ว ใช้วางทุ่นระเบิดซึ่งไทพ์206เอนี้สามารถบรรทุกทุ่นระเบิดไปได้40ทุ่น การซ่อนพรางของมันทำให้บุกเข้าได้ลึกถึงบริเวณสำคัญทางยุทธศาสตร์ หรือใช้เพื่อวางทุ่นระเบิดเชิงป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรุกล้ำเข้ามาได้

นอกจากนี้ยังใช้เพื่อหาข่าวด้วยการลาดตระเวน คุณสมบัติการซ่อนพรางและความเงียบของมันช่วยให้เข้าถึงพื้นที่ได้ลึก กว่า เช่นการเฝ้าตรวจยุทธศาสตร์หรือการหาข่าวกรองความเคลื่อนไหวในฐานทัพเรือฝ่ายตรงข้าม จะใช้เพื่อสนับสนุนการสงครามพิเศษก็ได้และคล่องตัวกว่าเรือผิวน้ำด้วยการซ่อนพรางเช่นกัน ไทพ์206เอมีพื้นที่ให้นำชุดปฏิบัติการของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ(SEAL)ไปได้กับเรือหนึ่งชุดเต็มก่อนจะส่งทหารออกทางท่อทอร์ปิโด

นอกจากการใช้งานในสถานการณ์ขัดแย้ง เรือดำน้ำยังมีประโยชน์ในยามสงบด้วยคือการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางทะเล ต่อต้านการก่อการร้าย ปราบสลัด ซึ่งจะเฝ้าดูและติดตามได้นานกว่าเรือผิวน้ำ ไทพ์206เอสามารถปฏิบัติภารกิจต่อเนื่องได้1เดือนในขณะที่เรือตรวจกาณ์ปกติจะทำงานได้นานแค่15วันก็ต้องกลับมารับการส่งกำลังบำรุง ที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือการทำหน้าที่เป็นข้าศึกสมมุติให้กองเรือผิวน้ำและอากาศยานในการซ้อมรบเพื่อความพรั่งพร้อม ด้วยเรือดำน้ำจริงการฝึกจึงจะสมจริงที่สุดและยังเป็นสะพานเชื่อมให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างเหล่าทัพในชาติพันธมิตรด้วย

เมื่อคิดถึงคุณค่าของเรือดำน้ำในแง่ยุทธวิธีและยุทธศาสตร์แล้ว เราคงต้องเปิดใจให้กว้างเพื่อรับข้อมูลที่เป็นจริง กองทัพเรือสิงคโปร์และมาเลเซียมีเรือดำน้ำ กองทัพเรือเวียตนามกำลังจะได้เรือดำน้ำชั้นกิโล(Kilo class)จากรัสเซียมาอีกหกลำซึ่งจะส่งมอบลำแรกปี2012นี้เอง เราไม่มีเรือดำน้ำก็ได้แต่ถ้าเกิดกรณีพิพาทขึ้นจะมีใครรับประกันได้บ้างว่าเราจะไม่ต้องรบ? ถึงจะหลีกเลี่ยงการใช้กำลังอย่างสุดความสามารถแต่เมื่อต้องรบเราก็ต้องชนะ หรืออย่างน้อยทหารเราก็ต้องไม่ตาย กรณีการปะทะบริเวณเขาพระวิหารคือตัวอย่างที่ดีซึ่งเราสูญเสียน้อยเพราะเหนือกว่า ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ใช้ความเหนือกว่าเพื่อรุกรานหรือก่อความเสียหายลุกลามกลายเป็นสงครามใหญ่

ก็ถือว่าน่าเสียดายที่เราต้องล่าช้าในการจัดหาเรือดำน้ำ เพราะนี่คือความคุ้มค่าทางยุทธศาสตร์ในเงื่อนไขและงบประมาณที่เหมาะสมจริงๆ เยอรมันยังใช้เรือรุ่นนี้อยู่ไม่ได้ปลดประจำการ เขาขายเราในราคามิตรภาพเพราะจำเป็นต้องลดขนาดกองทัพ เราไม่ได้ซื้อเศษเหล็กมาใช้เหมือนอย่างที่คนบางกลุ่มพยายามจะชักจูงให้เข้าใจกัน โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกเสียดายที่การจัดซื้อครั้งนี้ไม่ผ่านสภา จนคาดว่าคงหมดโอกาสไปแล้ว แต่ยังโชคดีที่รัฐบาลเยอรมันซึ่งประสานงานกับกองทัพเรือไทยมาตั้งแต่ต้นเป็นแรมปียังรอเรา กองทัพเรือยังมีโอกาสที่จะมีเขี้ยวเล็บเพิ่มอยู่ด้วยงบประมาณปกติซึ่งไม่ได้ขอเพิ่มจากรัฐบาล เช่นเดียวกับครั้งที่กองทัพอากาศทำโครงการกริพเพนซึ่งก็กัดก้อนเกลือกินเช่นกัน อาจจะช้าไปหน่อยแต่ก็เชื่อว่ายังมีหวัง

ถ้าจะเปรียบเปรยก็คงเป็นทำนองพ่อแม่ให้เงินค่าขนมลูก แล้วพอลูกเอาเงินออมนั่นมาซื้อสัญญาณกันขโมยติดบ้านพ่อแม่กลับดุด่าซ้ำยังไม่ให้เด็กมันไปซื้อ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้ทำอย่างไรกับเงินก้อนนั้นเพื่อจะทำให้บ้านมันปลอดภัยขึ้น

สองตอนนี้เป็นเรื่องความจำเป็นกับความคุ้มค่าทางยุทธการ ตอนสุดท้ายในฉบับหน้าเราจะมาดูกันลึกๆล่ะว่าจะได้อะไรบ้างจากแพ็คเกจเรือดำน้ำ6 ลำ(ใช้งานจริงๆ4ลำ)จากเยอรมนี


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น