โดยสรศักดิ์
สุบงกช
sosak@me.com
การจะนำแผ่นเกราะกันกระสุนมาติดตัวนั้นหากจะว่าง่ายก็ง่าย
แต่การจะออกแบบเครื่องห่อหุ้มหรือเกราะซึ่งจะเรียกว่า"เสื้อเกราะ"(tactical
vest) หรือ"เปลือก”(plate
carrier)ให้ใช้งานได้คล่องตัว
ถอด/สวมใส่ได้ง่ายและเบานั้นมีความพยายามจะทำกันอยู่นับได้เป็นสิบปีแล้ว
หลังจากรูปแบบการรบเปลี่ยนมาเป็นสงครามในเมืองซึ่งทหารต้องสู้กันในระยะใกล้
ด้วยอาวุธและอุปกรณ์ที่เปลี่ยนไป
เสื้อเกราะแบบแยกส่วน(Modular)จึงต้องพัฒนาตามเนื่องจากมันไม่ได้มีหน้าที่แค่ห่อหุ้มแผ่นเกราะแล้วยึดติดตัวทหารเท่านั้น
ยังต้องเป็นที่อยู่ของยุทโธปกรณ์อีกนานาชนิด
ทั้งซองกระสุนปืนเล็กยาว
ซองกระสุนปืนพก ระเบิดขว้าง
สายรัดข้อมือ ถุงน้ำ
และอื่นๆเท่าที่ทหารหนึ่งนายจะเห็นว่าจำเป็นจนอยากนำมันติดตัวไปพร้อมเกราะและกระสุน
จากเสื้อเกราะที่มีไว้เพื่อหุ้มห่อแผ่นเกราะ
มันจึงกลายเป็นอุปกรณ์กระจายน้ำหนักที่มีชื่อเรียกเป็นทางการว่าMOLLE(Modular
Lightweight Load-carrying Equipment)
เพื่อให้ทหารใช้ประกอบอุปกรณ์ที่จำเป็นรวมถึงเป้สนามในจุดต่างๆของเสื้อ
ด้วยการใช้ผ้าแถบไนลอนเนื้อหนาเย็บเว้นช่วง
เรียงตัวเป็นแถวจากบนลงล่างให้เป็นช่องสอดอุปกรณ์ได้
ซึ่งตัวอุปกรณ์หรือกระเป๋าที่จะนำมาติดก็ต้องถูกออกแบบให้มีสายสอดเว้นระยะเท่าระยะของช่องที่แถบไนลอน
กรรมวิธีนี้ช่วยให้ทหารสามารถเลือกติดอุปกรณ์ได้หลากหลายชนิดและตำแหน่งบนเสื้อเกราะ
สับเปลี่ยนตำแหน่งได้ง่ายๆเมื่อต้องการบนเสื้อเกราะที่เป็นทั้งเครื่องห่อหุ้มแผ่นเกราะและเป็นที่ติดอุปกรณ์แบบกระจายน้ำหนักไปทั่วตัว
หากสิ่งของบนตัวทหารน้ำหนักเท่ากันเมื่อเปรียบเทียบระหว่างเสื้อเกราะโมดูลาร์กับสายเก่งและกระติกน้ำรูปแบบเดิมๆที่ใช้กันมาตั้งแต่สงครามนโปเลียน
การเปลี่ยนมาใช้ชุดอุปกรณ์แบบโมดูลาร์จะช่วยให้ทหารจะสบายตัวและคล่องตัวกว่า
โดยเฉพาะกระติกน้ำแบบเดิมที่ทั้งเกะกะและกดทับบั้นเอวจนเจ็บ
ส่งเสียงดัง ไม่สะดวกทั้งเมื่อวิ่งและคลาน
เมื่อเปลี่ยนเป็นถุงน้ำประกอบชุดโมดูลาร์แล้วทหารจะเคลื่อนไหวได้สบายกว่า
ทั้งยังเงียบ ไร้เสียงดังจนเปิดเผยตำแหน่งของตน
เสื้อเกราะโมดูลาร์ถูกพัฒนาไปทุกปีตามความต้องการของกองทัพ
เพื่อตอบสนองภารกิจและเพื่อความคล่องตัวที่สุดของทหารรวมทั้งการระบายได้ดีทั้งความร้อนและความชื้น
นอกจากแบบตามปกติของกองทัพแล้วภาคเอกชนก็เป็นอีกกลไกหนึ่งที่ช่วยให้เสื้อเกราะพัฒนาตัวเองไปได้เร็วและหลากหลาย
อีเกิล
อินดัสตรีส์คือผู้นำรูปแบบใหม่ของเสื้อเกราะมาสู่วงการทหาร
ด้วยเสื้อเกราะปลดเร็ว(Combat
Integrated Releasable Armor
System)สำหรับหน่วยรบพิเศษที่ต้องการความคล่องตัวสูง
ใช้รูปแบบMOLLEแต่ปลดจากตัวทหารได้เร็วเพียงดึงห่วงติดสายเคเบิลที่ร้อยโยงจุดเชื่อมต่อของเสื้อไว้
เพื่อประโยชน์ในการกู้ภัย
ให้ทหารถอดเสื้อเกราะได้เร็วหากเกิดอุบัติ
เช่นเมื่ออากาศยานตกลงในทะเลหรือเมื่อต้องปฐมพยาบาล
CIRASคือเสื้อเกราะลักษณะคล้ายเสื้อกล้ามในรูปแบบMOLLE
ส่วนนอกสุดซึ่งต้องทนกับการครูดไถในปฏิบัติการถูกตัดเย็บด้วยผ้าไนลอนคอร์ดูราหนา1,000ดีเนียร์
ส่วนในซึ่งใช้เป็นที่เสียบแผ่นเกราะเซรามิกSAPI(Small
Arms Protective
Insert)ซึ่งมีน้ำหนักตั้งแต่1ถึง2.5ก.ก.(ขนาดXS,S,M,LและXLตามขนาดตัวผู้ใช้งาน)
หน้าและหลังอย่างละแผ่น
รวมทั้งเกราะอ่อนและเกราะย่อยป้องกันลำตัว
บุภายในด้วยผ้าตาข่ายเพื่อระบายความร้อนและความชื้น
ในบทความเรื่อง"เกราะกันกระสุน"ในฉบับก่อนนั้นCIRASสามารถใช้กับเกราะอ่อนและแผ่นเกราะเซรามิกได้ถึงlevel4
จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ของนาวิกโยธินสหรัฐฯตกในทะเลเมื่อปี1999แล้วทหารเสียชีวิตทั้งลำเพราะถอดเกราะไม่ทัน
แล้วถูกน้ำหนักของมันพร้อมเครื่องกระสุนถ่วงจนจมน้ำตาย
ทำให้เกิดความตื่นตัวในการออกแบบเน้นความปลอดภัยจากการถอดอันรวดเร็ว
เมื่อพัฒนาการไม่มีที่สิ้นสุด
เสื้อเกราะจึงถูกพัฒนาต่อมาอย่างไม่หยุดยั้งทั้งในภาครัฐและเอกชน
ถ้าทหารไม่มั่นใจในคุณภาพของอุปกรณ์ที่กองทัพแจกให้ก็สามารถซื้อเสื้อเกราะได้จากผู้ผลิตใหญ่ๆอาทิ
5.11,Eagle
Industries,BlackHawk,First
Spearและแบรนด์อื่นๆที่มีเทคโนโลยีในการออกแบบและผลิตอันเป็นเอกลักษณ์
คุณประโยชน์ของเสื้อเกราะคือช่วยยึดแผ่นเกราะให้อยู่ในที่ในทางของมัน
เป็นเสมือนฐาน(platform)ให้ติดอุปกรณ์ต่างๆที่จำเป็น
เป็นเครื่องกระจายน้ำหนักสัมภาระที่ทหารนำติดตัวออกสู้รบ
เป็นสิ่งที่ทหารต้องมีเมื่อออกปฏิบัติการไม่ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆหรือยืดเยื้อโดยเฉพาะการรบในเมืองที่อันตรายมีอยู่ทุกมิติ
ไม่ใช่เพียงแค่ในแนวราบ
แม้แต่จากเบื้องบนและใต้พื้นที่เดินอยู่ทหารก็อาจเป็นอันตรายได้
ระบบเคเบิลปลดเร็วแบบCIRASถูกนำไปดัดแปลงใช้ในเสื้อเกราะหลายรูปแบบและแบรนด์
มันดูเหมือนจะเป็นคำตอบแต่ปัญหาคือเมื่อดึงปลดแล้วเสื้อจะแยกเป็นชิ้นๆประกอบกลับมาใช้งานใหม่ได้ยาก
เสียเวลามาก
น้ำหนักโดยรวมของตัวเสื้อก็มากเพราะใช้ผ้าหนาเท่ากันหมด
ไม่เลือกตำแหน่งว่าตรงไหนต้องใช้ผ้าหนาเพราะต้องครูดไปกับภูมิประเทศ
หรือตรงไหนควรใช้ผ้าบางลงเพราะไม่ต้องรับภาระหนักเท่า
ระบบยึดติดของกระเป๋าเข้ากับMOLLEก็ยังใช้แถบผ้าไนลอนเสริมพลาสติกและแป็บเหล็กมีน้ำหนักรวมมาก
จะเป็นไปได้หรือไม่หากเสื้อเกราะนั้นจะแยกตัวและประกอบเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
แม่นยำ ใช้ระบบยึดกระเป๋าที่ลดน้ำหนักได้
ใช้งานง่ายกว่า
ที่ดีกว่านั้นคือประกอบและถอดแผ่นเกราะได้เร็วตามภารกิจเพื่อให้ทหารไม่ต้องแบกรับน้ำหนักมากๆโดยไม่จำเป็นในภารกิจที่แตกต่าง
First
Spearแห่งสหรัฐฯคือผู้ผลิตอุปกรณ์ทางยุทธวิธีที่เน้นเทคโนโลยีและการออกแบบลึกในรายละเอียด
เสื้อเกราะและเสื้อกั๊กยุทธวิธีในแบบต่างๆจะใช้ผ้าเนื้อหนาไม่เท่ากันตามลักษณะของการใช้งาน
บริเวณห่อหุ้มที่ไม่ต้องรับน้ำหนักจะใช้ผ้าบางแต่เหนียวเพื่อลดน้ำหนักเช่นที่ตัวเสื้อด้านใน
แต่จะหนาขึ้นคือตั้งแต่600ถึง1,000ดีเนียร์ในส่วนห่อหุ้มด้านนอก
แถบผ้าชิ้นหนาส่วนที่เป็นMOLLEจะหายไป
เหลือแต่เปลือกเกราะเรียบๆมีรอยกรีดเป็นช่องด้วยเลเซอร์เพื่อกันลุ่ยเป็นระยะ
ให้สอดกระเป๋าซองกระสุนสำรองฯลฯมีแถบติดเวลโครด้านหลัง
เข้าไปล็อคไว้ด้านในแทนแถบเสริมพลาสติกติดแป็บเหล็กแบบเดิม
ลดน้ำหนักรวมลงได้40เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเสื้อเกราะOTVหรือCIRASที่เคยใช้กันอยู่
ส่วนปัญหาการถอดและประกอบนั้นเฟิร์สต์
สเปียร์แก้ด้วยTube
Technologyในรูปแบบที่ง่ายคือใช้ตัวล็อคผลิตจากโพลิเมอร์เป็นปลอกทรงกระบอกและเดือยแท่งที่ดึงออกแล้วประกอบเข้าด้วยกันได้ง่ายๆโดยแทบไม่ต้องมอง
ดีกว่าใช้ผ้าแถบเวลโครตรงที่มันไม่พรั่นต่อดิน,ทรายและฝุ่น
ที่จะเข้าไปแทรกตัวอยู่ระหว่างผิวที่เป็นห่วงและตะขอจนเกาะกันไม่ติด
สลักเดือยทรงกระบอกนี้นอกจากจะช่วยให้ถอดและประกอบชุดเสื้อเกราะได้รวดเร็วแล้ว
ยังไม่ต้องดึงเสื้อออกทางศีรษะซึ่งจะไปปัดหน้ากากแก๊ซ/เคมี/ชีวภาพออกโดยบังเอิญด้วย
ในกรณีต้องทำสงครามเคมี/ชีวภาพ
ไม่ซับซ้อนตามหลักของอุปกรณ์สนามที่ว่า"ต้องทำให้ง่าย
ให้โง่เข้าไว้"(Keep
It Simple,Stupid:KISS)
แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงประสิทธิภาพไว้ได้เต็มร้อย
จากเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมา
คาดว่าท่านที่สนใจและเป็นผู้ปฏิบัติซึ่งต้องคลุกคลีกับเกราะและเสื้อ
คงได้เข้าใจและเห็นความสำคัญของเครื่องป้องกันร่างกายนี้ว่ามันมีรายละเอียดมากกว่าที่คิด
เช่นตัวแผ่นเกราะต้องถูกทดสอบและหน่วยงานที่เชื่อถือได้ต้องรับรอง
ส่วนเครื่องห่อหุ้มหรือ"เสื้อ"ก็ต้องมีคุณสมบัติเอื้อต่อการใช้งานสนามด้วย
เช่นเบา ติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆได้หลายตำแหน่ง
ช่วงไหล่เสื้อหลบพานท้ายปืนให้เข้าร่องไหล่ผู้ยิงได้พอดีไม่เลื่อนเลยไปเมื่อปืนถีบฯลฯ
ตราบใดที่การต่อสู้ยังคงมีอยู่ในรูปแบบต่างๆ
เครื่องป้องกันก็ยังต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆไม่หยุดยั้ง
ทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของกำลังพลและเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดสินค้าทางยุทธวิธี
แล้วกองทัพของเราล่ะ
ถึงเวลาเลิกใช้สายเก่งประกอบเข็มขัดสนามและกระติกน้ำแล้วหรือยัง?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น