สหรัฐฯเป็นชาติที่เพิ่งก่อตั้งมาได้200กว่าปีซึ่งจะว่าเป็นชาติใหม่ก็ได้ แต่ด้วยการที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนมาตั้งแต่ช่วงเวลาแห่งการสร้างชาติ สหรัฐฯจึงมีวัฒนธรรมด้านการทหารที่แข็ง แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยนจากการสร้างชาติมาเป็นเพื่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติหรือบางครั้งก็รุกรานช่วงชิงทรัพยากรเอาดื้อๆ แต่การได้เป็นทหารในเหล่าใดเหล่าหนึ่งของสหรัฐฯก็ยังเป็นความภาคภูมิใจ เป็นสิ่งที่นำมาเอ่ยได้เต็มปากว่า"ผม/ดิฉัน เป็นทหารอเมริกัน"
ปัจจุบันนี้กองทัพของสหรัฐฯมีอยู่4เหล่า(corpอ่านว่า คอร์) คือกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศและนาวิกโยธิน ซึ่งแต่ละเหล่าจะมีการทำงานขึ้นตรงต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึงแม้ว่ากองทัพไทยจะมีรูปแบบการจัดการกำลังพลคล้ายสหรัฐฯก็ใช่ว่าเราจะเหมือนกับเขาไปเสียทุกอย่าง ในขณะที่เรามีทหาร3เหล่าทัพแต่อเมริกามี4และเหล่าที่เราไม่แยกออกไปก็คือนาวิกโยธิน
นาวิกโยธินได้ถือกำเนิดขึ้นมาในสมัยของประธานาธิบดีโธมัส เจฟเฟอร์สัน ประธานาธิบดีคนที่3ของสหรัฐฯ เมื่อครั้งที่สหรัฐฯส่งกองเรือไปค้าขายบริเวณบาร์บารี โคสต์ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศแถบอาฟริกาเหนือ ก่อนหน้านั้นอเมริกาถูกรังควานจากกองเรือสลัดของลิเบียอยู่บ่อยๆแต่ก็ยอมจ่ายค่าไถ่สินค้าแต่โดยดี จนกระทั่งถึงยุคของเจฟเฟอร์สันที่ต้องร้องขอต่อสภาคองเกรสว่าต้องส่งทหารไปปราบ เหล่านาวิกโยธินจึงเกิดขึ้นในช่วงนั้นด้วยวิธีง่ายๆคือเอาทหารราบขึ้นเรือไปให้ถึงที่หมาย ลงจากเรือมาสถาปนาที่มั่นให้ได้แล้วค่อยรบต่อเข้าไปในแผ่นดิน วีรกรรมแรกคือการบุกยึดกรุงทริโปลีได้แล้วต่อจากนั้นอเมริกาก็ไม่ต้องจ่ายค่าไถ่กับสลัดมุสลิมอีก ผลพวงที่ทำให้นาวิกฯเป็นที่รู้จักมาถึงทุกวันนี้ก็คือการเอาแผ่นหนังหุ้มคอเสื้อให้พ้นคมดาบซิมิทาร์ของโจรมุสลิม
นาวิกฯมีบทบาทต่อมาอีกมากทั้งในสงครามโลกครั้งที่1สงครามโลกครั้งที่2 สงครามเวียตนามและในการรุกรานชาติอื่นอีกหลายครั้ง ถึงกาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานนาวิกฯก็ยังรบแบบเดิม คือนำกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์ไปกับกองเรือของกองทัพเรือ ยกพลขึ้นบกหรือเข้าถึงที่หมายด้วยเฮลิคอปเตอร์(หรือยานพาหนะแบบใดแบบหนึ่ง) สถาปนาที่มั่นขึ้นแล้วรบหรือไม่ก็ยึดพื้นที่ตรึงกำลังไว้ แม้ว่าจะต้องอาศัยกำลังทางเรือเพื่อเคลื่อนพลแต่นาวิกฯก็ไม่ใช่ทหารเรือ นาวิกฯก็คือนาวิกฯ กองกำลังขนาดเล็กที่มีขีดความสามารถรบได้ทั้ง3มิติ นาวิกฯสหรัฐฯจึงมียุทโธปกรณ์ครบทั้งแบบทหารราบคือรถถัง,รถสายพานลำเลียงพล แบบทหารอากาศคือเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินแบบต่างๆที่ขึ้น/ลงบนเรือบรรทุกเครื่องบินได้ จะต้องตั้งกองเรือใหม่เพื่อนาวิกฯทำไมเล่าในเมื่อกองทัพเรือก็มีขีดความสามารถในการเคลื่อนย้ายพออยู่แล้ว?
เพราะนาวิกฯมีต้นกำเนิดที่ไม่ได้เก่าแก่น้อยกว่าเหล่าทัพไหนของสหรัฐฯ เหล่าทัพนี้จึงมีวัฒนธรรมของตนเองทั้งเรื่องศัพท์แสง เหรียญตรา เครื่องแบบและชั้นยศ
สังเกตให้ดีจะพบกองทัพสหรัฐฯมีระบบบอกชั้นยศที่ดูง่ายมาก การติดเครื่องหมายยศจะเหมือนกันทั้งทัพบก,ทัพเรือ,ทัพอากาศและนาวิกฯ ถึงจะประดับเครื่องหมายชั้นยศเหมือนกันแต่ก็มีวิธีเขียนบอก ตัวอย่างเช่นเครื่องหมายนกอินทรีจับลูกธนูที่แสดงยศพันเอกของทหารบกหรือcolonel(เคอร์เนิ่ล)นั้น นาวิกก็เรียกนายพันเอกของตนว่าเคอร์เนิ่ลเหมือนกัน แต่มีตัวย่อแสดงเหล่าตามท้ายด้วย คือcolonel.USMC(เคอร์เนิ่ล ยูไนเต็ด สเตท มะรีน คอร์) เพื่อบอกให้รู้ว่ามาจากเหล่านาวิกฯไม่ใช่ทหารบก การเรียกชั้นยศของนาวิกฯของสหรัฐฯจะเป็นไปตามกองทัพบกทุกอย่าง แต่ต้องมีUSMCต่อท้ายเพื่อบอกให้รู้ว่าไม่ใช่ทหารบก หากบุคคลใดเป็นนาวิกฯยศร้อยโท ก็ต้องเขียนชื่อว่าLieutenant(ลิวเทแนนท์)ชื่อ....... นามสกุล .....USMC จะไปใช้เรือโทเหมือนกองทัพเรือไม่ได้
ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวแล้วว่าเหล่านาวิกฯของสหรัฐฯแยกออกเป็นเอกเทศ ไม่ได้สังกัดกองทัพเรือเหมือนไทย ถ้าบุคคลใดเป็นนาวิกฯบุคคลนั้นก็ต้องใช้ชั้นยศแบบนาวิกฯคือเรียกแบบทหารบกแล้วมีUSMCต่อท้าย เป็นนาวิกฯสหรัฐแล้วเที่ยวบอกใครๆว่ามียศเรือโทจึงเป็นเรื่องแอบอ้าง หากจะเป็นเรือโทก็ต้องเป็นทหารเรือแล้วเรียกยศนำหน้าชื่อว่าLieutenantชื่อ..... นามสกุล USN (US.Navyกองทัพเรือสหรัฐฯ)ในส่วนที่ชั้นยศต่างเหล่าแต่เรียกเหมือนกัน ทหารบกและนาวิกฯจะใช้คำว่าlieutenantกับยศร้อยโทและร้อยโทนาวิกฯ ทหารเรือก็ใช้lieutenantเหมือนกันแต่เมื่อไม่ได้ใส่ตัวย่อJG(Junior Grade)ยศLieutenantของทหารเรือจะเป็นเรือเอก สูงกว่าLieutenantของกองทัพบกและนาวิกฯไปหนึ่งขั้น และเพื่อไม่ให้ไขว้เขวว่าเป็นยศของเหล่าทัพอื่นก็จะมีUSNต่อท้าย ทำนองเดียวกับยศเรือเอกของเราคือรอ.ชื่อ...... นามสกุล รน.(ราชนาวี)
นอกจากชั้นยศแล้วนาวิกฯยังมีเครื่องแบบเป็นของตัวเองทั้งเครื่องแบบปกติ เครื่องแบบงานพิธี ราตรีสโมสรซึ่งมีสีสันจากเหล่าทัพอื่นๆรวมกันคือแดง น้ำเงิน ขาว ซึ่งจะปรากฎสีสันนี้อยู่ในเครื่องแบบชุดงานพิธี แต่ที่น่าสังเกตคือนาวิกฯจะไม่มีเครื่องแบบสีขาวล้วนปกติคอแบะและขาวใหญ่ห้อยกระบี่ประดับเหรียญตราเหมือนกองทัพเรือ ถึงก่อนปี2000จะมีชุดขาวและขาวใหญ่แต่เมื่อถึงปี2000เหล่านาวิกฯก็ยกเลิกเครื่องแบบขาวล้วนทุกชนิด เพื่อให้เกิดความแตกต่างชัดเจนจากกองทัพเรือ เหลือแต่กางเกงขาวเสื้อทูนิคสีน้ำเงินขริบแดงเพื่อใช้ในงานพิธีต่างๆ นอกเหนือจากนั้นแล้วจะไม่มีนาวิกฯที่ไหนแต่งกายชุดขาวล้วน นอกจากเครื่องแบบสนามลายพรางแล้วนาวิกฯจะสวมชุดกางเกงขาวเสื้อทูนิคสีน้ำเงินขริบแดงในงานพิธี ชุดราตรีสโมสรกางเกงน้ำเงินแถบทองกับเสื้อทูนิคสีน้ำเงินขริบแดง และชุดปกติกางเกงสีเขียวเข้มเสื้อคอแบะสีกากีปฏิบัติงานในที่ตั้งปกติเท่านั้น
เราต้องนำเสนอเรื่องนี้เพราะรำคาญใจ ที่มีชายไทยชื่อนายชวินทร์พล จำปานันท์แอบอ้างว่าเคยเป็นทหารสหรัฐฯมาก่อนเที่ยวตระเวนสอนยุทธวิธีตามหน่วยทหารและตำรวจต่างๆ สิ่งที่เขาพูดทุกสิ่งนั้นแสดงออกถึงความไม่ปกติทางจิตใจ วกไปวนมา เคยโกหกแล้วลืมแล้วก็สร้างเรื่องโกหกขึ้นมาใหม่ ถึงจะไม่ได้เรียกร้องสินไหมใดๆในการเข้าไปสอนหรือสาธิต แต่ความเสียหายจากการปฏิบัติตามการสอนอย่างผิดๆได้เกิดขึ้นแล้วแก่กำลังพลของเรา เราจึงขอสรุปทั้งเรื่องยศ,เครื่องแต่งกายและเครื่องหมายต่างๆไว้เป็นข้อๆดังนี้
เราเชื่อว่านายชวินทร์พลเคยเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯจริงๆ แต่ไม่ใช่ทหารหน่วยSEALของกองทัพเรือตามที่เคยแอบอ้างในรายการของสำนักข่าวสปริงนิวส์
จะเป็นนายทหารสัญญาบัตรจริงหรือไม่ การใช้ยศว่าเรือโทจึงผิดเพราะเป็นนาวิกฯ และแยกเหล่าจากกองทัพเรือชัดเจน ต่างจากนาวิกฯของไทย ต้องใช้ยศเหมือนทหารบก ตามด้วยอักษรย่อUSMC
นายชวินทร์พลไม่มีสิทธิ์แต่งเครื่องแบบสีขาวใหญ่ประดับเหรียญตราและขาวน้อยติดแถบแพรกับเข็มไทรเดนต์ของกองทัพเรือ เพราะไม่ใช่ทหารเรือ
ถ้าจะอ้างว่าเป็นนาวิกฯ ก็ไม่มีสิทธิ์แต่งเครื่องแบบขาวใหญ่ประดับเหรียญตราเพราะนาวิกฯไม่มีเครื่องแบบสีขาวล้วน
การอ้างว่าเคยไปปฏิบัติงานกับSEALแล้วได้เข็มไทรเดนต์มา(Trident)ประดับเครื่องแบบเป็นเรื่องเท็จ ผู้สำเร็จการฝึกจากSEALและต้องเป็นทหารในหน่วยSEALเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ประดับเข็มไทรเดนต์ได้ ที่อเมริกาไม่มีระบบกิติมศักดิ์เหมือนไทย เป็นนาวิกฯไปสนธิกำลังกับSEALต่อให้ช่วยชีวิตSEALไว้ได้กี่คนก็ไม่มีสิทธิ์ประดับเข็มไทรเดนต์
เป็นนาวิกฯต้องใช้ยศตามระเบียบของนาวิกฯ ใช้ยศแบบทหารเรือไม่ได้ตามเหตุผลข้อ2
ทั้งหมดนี้คือข้อเขียนซึ่งน่าจะทำให้ผู้ไม่เข้าใจได้เข้าใจอะไรขึ้นบ้าง หลังจากได้เห็นทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวการสาธิตการใช้อาวุธและจากข่าวที่ปรากฎทางหน้าหนังสือพิมพ์ ที่น่าเสียใจคือหน่วยงานของรัฐที่ได้รับความเสียหายกลับไม่ใส่ใจ ยังคงปล่อยให้นายชวินทร์พลสวมเครื่องแบบทหารสหรัฐฯปลูกฝังความเชื่อผิดๆให้กับกำลังพล โดยคิดได้เพียงอย่างเดียวว่าเมื่อไม่ได้เรียกร้องผลประโยชน์ก็ไม่เสียหาย ทั้งที่ความเสียหายจากความเชื่อผิดๆนั้นมหาศาลไม่สามารถตีค่าออกมาเป็นเงินได้ ตอนนี้ความจริงได้ปรากฎแล้วแต่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยังเพิกเฉย คงต้องถามกันล่ะว่าต้องให้ทหารของเราตายเพราะหลงเชื่อคนสติฟั่นเฟือนไปอีกกี่นายหน่วยงานที่รับผิดชอบถึงจะตื่นจากหลับไหลเสียที